นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกรณีมีกระแสข่าวคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเพิ่มจำนวน กมธ.สามัญ จากเดิม 35 คณะ เป็น 36-38 คณะ เพื่อเกลี่ยตำแหน่งประธาน กมธ.ให้กับทุกพรรคการเมืองที่พลาดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นเรื่องเกินความจำเป็น สิ้นเปลืองงบประมาณ และทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ
"ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ส่วนตัวยังอยากเสนอให้ลดจำนวนคณะกรรมาธิการเหลือเพียง 30 คณะเสียด้วยซ้ำ เพราะการเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการที่ผ่านมาในยุครัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อปลอบใจคนที่ผิดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้มีการแยกงานกรรมาธิการในลักษณะซ้ำซ้อน เช่น กรรมาธิการทหารแยกออกเป็นสามคณะ คือ กรรมาธิการทหาร กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ และกรรมาธิการกิจการชายแดน ทั้งที่กรรมาธิการทั้งสามคณะมีหน้าที่และลักษณะงานเดียวกัน จึงอยากเสนอให้มีเฉพาะกรรมาธิการหลักๆ เพราะการมีคณะกรรมาธิการเกินจำเป็นทำให้ ส.ส.บางคนต้องเป็นกรรมาธิการถึง 2 คณะ ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ส่วนกรรมาธิการอื่นๆที่ไม่มีความจำเป็นก็ควรจะจัดตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาเฉพาะเรื่องเป็นการเฉพาะกิจจะดีกว่า" นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า การเพิ่มคณะ กมธ.มากขึ้นจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณรายจ่ายของสภาฯ โดยใช่เหตุ ซึ่งล้วนมาจากเม็ดเงินภาษีของประชาชน เพราะ กมธ.แต่ละคณะต้องมีห้องทำงาน ห้องประชุม เจ้าหน้าที่สภาฯ งบศึกษาดูแล เบี้ยประชุม รวมถึงสิทธิในการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย
"ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมที่ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อปลอบใจบรรดาคนอกหักจากตำแหน่งรัฐมนตรี และเป็นการสมนาคุณให้หัวหน้าพรรคเล็ก พรรคจิ๋ว ที่ไม่สามารถจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้ได้ครบ จึงต้องประเคนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการต่างๆ เหล่านี้ทดแทนให้ เพราะการอาสาเข้ามาทำงานการเมืองไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จึงขอให้ทบทวนแนวคิดนี้ และไม่ควรใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล" นายเทพไท กล่าว