นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.)ให้ไต่สวน สอบสวน กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ของหลายพรรคการเมือง มีหุ้นในสื่อมวลชน ซึ่งสมาคมฯ ได้ตรวจสอบยืนยันกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนผู้ถือหุ้น รวมถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้ว พบว่า มี ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ 15 คน และ พรรคชาติพัฒนา 1 คน มีรายชื่อเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม มาตรา 98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ มาตรา 42(3) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ จำต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่สภาฯ ต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยและอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายอย่างเคร่งครัดในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
สมาคมฯ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้งและ ส.ส. ของหลายพรรคการเมืองไปยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อไต่สวน สอบสวน ให้เป็นข้อยุติและเป็นบรรทัดฐาน และเพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมลงโทษตาม มาตรา151 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า "ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี