นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจภายใต้"อเวนเจอร์ทีม"มั่นใจนโยบายของพรรคในเรื่องการแก้จน สร้างคน สร้างชาติ จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และขับเคลื่อนงานผ่านกระทรวงในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
"เราก็หวังว่าการเป็นรัฐบาลก็อยากได้กระทรวงที่มาขับเคลื่อนนโยบายเซตนี้ นี้คือที่มาที่ไปทำไมถึงต้องเป็นกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ หรือแม้แต่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็น่าจะช่วยขับเคลื่อนนโยบายสร้างคนสร้างชาติได้"นายปริญญ์ กล่าว
นายปริญญ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนทันที โดยจะดึงจุดเด่นของแต่ละนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติจริง มีผลงานเป็นรูปธรรม ซึ่งการตั้งทีม"อเวนเจอร์ประชาธิปัตย์" ถือเป็นการรวบรวมคนเก่ง คนที่มีความรู้ความสามารถ และประสบความสำเร็จงานในแต่ละด้านมาทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคม
นายปริญญ์ มองถึงการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลต้องทำงานหนัก รัฐมนตรีทุกคนต้องเร่งพิสูจน์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และต้องปราศจากการทุจริตคอรัปชั่น ลงไปช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ถึงการทำงานของรัฐบาล
พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า นโยบายของพรรคจะได้การตอบรับจากพรรคแกนนำอย่างพรรคพลังประชารัฐ แม้ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐต้องการได้กระทรวงเศรษฐกิจมาดูแลเอง เพราะหากขับเคลื่อนงานทั้งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ได้สำเร็จ ก็ย่อมต้องมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของผลงานรัฐบาลด้วย
"ผมเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานหนัก และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนทราบข้อเท็จจริงว่า บางทีการเดินไปหาเขาไม่ได้แจกปลาให้เขากินฟรีๆ อย่างเดียว แต่ไปให้เบ็ดเขา สอนให้เขาใช้เบ็ดตกปลา ตกปลาทานตลอดชีวิต ดีกว่าการที่คุณได้รับความเชื่อเหลือในอดีตที่เป็นประชานิยมมากเกินไป ผ่านโครงการจำนำข้าว ผ่านโครงการรถยนต์คันแรก ที่มันทำให้ผิดวินันการเงินจนสร้างหนี้ครัวเรือนสูงถึงทุกวันนี้ เมื่อมีความผิดพลาดจากยุคคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ จะต้องไม่ทำสิ่งนั้นเดิมๆ ให้เกิดปัญหาอีก ต้องสร้างให้คนเห็นว่า เศรษฐกิจดีจริงๆได้อย่างยั่งยืนมันทำได้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว"นายปริญญ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายปริญญ์ ยอมรับมาตรการแรกๆ ที่ต้องดำเนินการในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้นคือการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตกรในระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ต้องช่วยเหลือให้กับกลุ่มเกษตรที่ลำบากจริงๆ และอย่าทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง พร้อมทั้งต้องมีการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน การแปรรูปสินค้าเกษตร การรีแบรนดิ้งสินค้าเกษตร เพิ่มองค์ความรู้ด้านการตลาด ส่งเสริมการค้าขายผ่านทางออนไลน์
นอกจากนี้ ต้องเร่งสร้างแรงงานฝืมือทั่วประเทศ โดยพรรคมีนโยบายที่จะตั้งทีมโค้ชลงไปให้ความรู้และสร้างแรงงานฝีมือทั่วประเทศ โดยมีการกำหนดเป้าหมายให้เห็นผล ภายใน 3,6,9,12 เดือน ซึ่งเป้าหมายหลักต้องการขจัดแรงงานไร้ฝืมือให้หมดจากประเทศ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาทำแต่เพียงเรื่องของนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ
รวมถึงจะผลักดันให้มีการแก้ไขกฏหมายที่ไม่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เช่นการแก้ไขกฏหมายให้เอสเอ็มอี สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ หรือการจัดเก็บภาษีไม่เป็นธรรม เช่น เวปไซด์ที่ให้บริการจองที่พักที่จดทะเบียนในต่างประเทศควรมีจัดเก็บภาษีด้วย
นายปริญญ์ ยอมรับว่า การเข้าร่วมรัฐบาลส่งผลดีต่อพรรคและการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่พรรคได้พิสูจน์ตัวเองในการสร้างผลงานว่าทำได้จริง จับต้องได้และไม่ได้ดีแต่พูดเท่านั้น และหวังจะกู้ศรัทธาจากประชาชนหากพรรคสามารถแสดงศักยภาพในการบริหารจัดการเศรษฐกิจได้ ก็เชื่อว่า ประชาชนจะให้โอกาสกับพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม นายปริญญ์ ยืนยันว่า แม้จะประสบความสำเร็จในงานด้านภาคเอกชนมาก่อน และเมื่อเข้ามาทำงานการเมืองเต็มตัวก็ไม่ได้รู้สึกกลัวนักการเมืองแต่อย่างใด แต่กลับมองเป็นความท้าทายที่จะได้มีโอกาสทำงานที่ตนเองตั้งใจไว้ให้เห็นเป็นรูปธรรมและต้องการเห็นสังคมเกิดความสามัคคี
"ทุกวงการมันมีเสือ สิงห์ กระทิง แรด หมด อย่ามองนักการเมืองแย่กว่าคนอื่นเขา ผมถือหลักการในชีวิตอ่อนน้อมถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร อย่าไปจับเพียงว่า วิชาชีพใดๆ มีคนไม่ดีมากกว่าคนดี เป็นหน้าที่เราสร้างน้ำดีในวิชาชีพนั้นๆ ผมไม่กลัวนักการเมือง เพราะการทำงานการเมืองรู้สึกว่าอย่างน้อยนำสิ่งที่เคยคิดอยากจะทำ ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้"นายปริญญ์ กล่าว
https://youtu.be/wByprkmEvrQ