นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ สมาคมฯ จะเข้าร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.230(1)(2) ประกอบ ม.231(2) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2560 ม.22(1)(2) ประกอบ ม.23(2) เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและหากพบว่ามีมูลจะได้เสนอเอาผิดข้าราชการ-นักการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
สืบเนื่องจากกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 21 มิย.62 ที่ผ่านมาว่า มีหน่วยงานหนึ่งแก้ปัญหากู้ยืมเงินผิดกฎหมายด้วยการคิดดอกเบี้ยสูงและยึดโฉนดไว้เป็นประกัน มีการไล่จับนายทุนเงินกู้ และสร้างภาพว่ายึดโฉนดได้คราวละมากๆ และสร้างภาพให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลเป็นประธานมอบโฉนดคืนให้ชาวบ้าน โดยมีหลายกรณีเป็นการสร้างภาพหลอกผู้ใหญ่ในรัฐบาลเพื่อสร้างภาพว่าเป็นการกู้ยืมจำนวนมากและยึดโฉนดไว้มาก จากนั้นสร้างภาพด้วยการเชิญนายมาเป็นประธานมอบโฉนดคืนให้ชาวบ้าน บางครั้งคนระดับรองนายกรัฐมนตรีได้รับเชิญไปเป็นประธานด้วย
กรณีดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากในสังคมไทยว่าเป็นการสร้างภาพแหกตาประชาชนจริงหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หากเรื่องดังกล่าวเป็นจริง ก็จะถือว่าเป็นความเลวร้ายที่สุดของระบบราชการไทย/การเมือง ซึ่งกรณีของข้าราชการอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัย การทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษถึงขั้นจำคุกและไล่ออกจากราชการ ส่วนนักการเมืองก็อาจต้องรับโทษร่วมด้วยในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ตามป.อ.มาตรา 83,84, 86 และ 87 และไม่ควรกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก
"เหตุดังกล่าว สังคมไทยไม่ควรให้เรื่องเงียบหายไปหรือปล่อยให้ข้าราชการ-นักการเมืองจูบปากหรือเกี๊ยะเซียะกันแล้วจบกันไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของสังคมไทย"นายศรีสุวรรณ กล่าว