นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งจะได้เห็นหัวหน้าพรรคที่จะไปทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ก่อนรัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ ในส่วนของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ระเบียบของพรรคระบุให้มีได้ถึง 29 คน ซึ่งก็มีแนวโน้มจะมีมากกว่าชุดเดิมที่มี 14 คน แต่เรื่องดังกล่าว ยังไม่มีการตัดสินใจ ต้องผ่านมติของที่ประชุมใหญ่ก่อน
ด้วยเหตุผลและเงื่อนไขทางกฎหมายทำให้หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านจะต้องเป็นส.ส. ขณะที่พรรคจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงในส่วนของหัวหน้าพรรค จึงถือโอกาสปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างของพรรค ให้เหมาะสมกับ โครงสร้างกับการเป็นพรรคผู้นำฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และสามารถกลับมาบริหารประเทศได้อีก รวมถึงจะปรับโครงสร้างให้เข้ากับสมัยปัจจุบันหรือยุคของคนหนุมสาว
นายปลอดประสพ กล่าวถึงความกังวลการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรครอบนี้อาจจะทำให้เกิดการขัดแย้งขึ้นในพรรคว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นความขัดแย้งในพรรคที่ขัดแย้งน่าจะเป็นจากพรรคอื่นมากกว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะมีความเห็นในทางการเมืองที่ไม่เหมือนกันแต่ไม่เป็นอะไร ไม่มีปัญหา
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากนี้คณะกรรมการบริหารพรรคจะมีการพูดคุยถึงบุคคลที่เสนอชื่อและมีความเหมาะสมเข้ามาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในส่วนกระแสข่าวที่มีการเสนอชื่อน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นเลขาธิการพรรค คนใหม่ อาจทำให้เกิดความไม่พอใจของส.ส.อีสานนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอชื่อใครออกมาเลย ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน ที่ผ่านมามีแต่เพียงข่าวลือ
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา มั่นใจผลการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 12 ก.ค.62 จะไม่ส่งผลให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค และจะต้องมีการปรับรูปบบการทำงานให้ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
"วันที่ 12 กรกฎาคมนี้จะมีการนัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะถึงวันประชุมคงต้องมีการหารือกันก่อนว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้ง 29 คนจะต้องเป็นคนที่เข้ามาทำงานได้จริงๆ ไม่ใช่การเข้ามาเป็นตัวแทนของนักการเมืองคนใด
"ต้องเป็นตัวจริง ไม่ใช่สตั้นแมนที่เข้ามาเป็นนอมินี" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรคนั้นมีหลายคน แต่ที่มีเสียงสนับสนุนมากคือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ซึ่งหากได้ทำงานด้วยกันแล้วเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา สามารถทำงานร่วมกันได้
"การเลือกกรรมการบริหารพรรคย่อมมีการแข่งขันชิงตำแหน่งกันเป็นธรรมดา แต่เมื่อที่ประชุมตัดสินใจแล้วก็ต้องยอมรับ" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการทำงานนั้นคงต้องมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รวดเร็ว และต้องดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเสริม