นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์" ว่า นโยบายที่จะผลักดันให้มีการนำกัญชามาใช้เพื่อการแพทย์เป็นพันธะสัญญาที่พรรคให้กับประชาชนไว้ในช่วงหาเสียง และในวันนี้ได้รับความสนใจจากผู้ลงทะเบียนอย่างท่วมท้นจากที่คาดไว้เพียง 120 คนเท่านั้น และได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้บรรจุนโยบายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลแล้ว
"เมื่อวานนโยบายกัญชาเสรีได้รับการบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลที่จะนำแถลงต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้าแล้ว" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จเกิดผลที่เป็นรูปธรรมต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายวิชาการ ซึ่งมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงกัญชาเพื่อการแพทย์ได้ และหากประสบความสำเร็จจะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
ตนเองเคยทำงานในกระทรวงสาธารณสุขมาแล้วจึงเชื่อว่าจะทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น โดยมุ่งหวังให้ประชาชนแข็งแรง ลดจำนวนผู้เจ็บป่วย และลดค่าใช้จ่าย
นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดสัมมนาได้ทำมาต่อเนื่องเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลที่จะนำไปใช้สนับสนุนการผลักดันนโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ แต่จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้ปรึกษาเรื่องการปรับแก้กฎหมายกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) คู่ขนานกันไป
ส่วนกรณีที่มีนโยบายจะให้ประชาชนปลูกในครัวเรือน 6 ต้นนั้นจะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน เช่น อีก 1-2 ปีอาจนำร่องในกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศก่อน โดยจะมีการฝึกอบรมตามหลักวิชาการ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ไม่มีโลหะหนักปลอมปน ซึ่งแนวทางปฏิบัติจะเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ และในอนาคตหากเปิดให้ปลูกมากขึ้นจะช่วยให้ต้นทุนลดลง แต่ต้องควบคุมไม่ให้ประชาชนซื้อขายกันเอง จะมีองค์รัฐทำหน้าที่รับซื้อผลผลิตจากประชาชน
"นโยบายชัดเจนแล้ว แต่จะไม่ใช้การเมืองผลักดัน แต่จะใช้สถาบันทางการแพทย์ที่มีต้นทุนทางสังคมสูง เพราะหากใช่การเมืองผลักดันจะถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง"นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า หลังตนเองเข้าไปทำงานเต็มตัวแล้วจะเร่งรัดดำเนินการ ซึ่งตอนนี้ฝ่ายข้าราชการประจำก็รับทราบนโยบายและพร้อมที่จะช่วยกันขับเคลื่อน สิ่งสำคัญจะต้องดูแลความปลอดภัยไม่ให้ประชาชนที่นำไปใช้แล้วเกิดอันตรายตามมา