นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะทำงานประสานงานและจัดทำนโยบายของรัฐบาล แถลงผลการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลว่า ภาพรวมเนื้อหาของร่างนโยบายนั้นทางพรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันทั้งหมดแล้ว โดยเนื้อหาจะเป็นนโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลได้หาเสียงไว้กับประชาชน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยจะมีการปรับรายละเอียดอีกเล็กน้อยก่อนจะนำเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนั้น นโยบายของรัฐบาลยังได้นำนโยบายของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เห็นว่าดีและเป็นประโยชน์พิจารณาร่วมด้วย ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความเห็นไว้ ไม่อยากให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนจะนำมาพิจารณาเขียนไว้ด้วย ส่วนรายละเอียดที่จะนำไปปฏิบัตินั้น หากมีโอกาสก็อยากหารือร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน
"วันนี้ถือเป็นข้อยุติในเรื่องของนโยบายพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นมีความครอบคลุมทุกด้าน จะเหลือเพียงบางประเด็นที่จะต้องดำเนินการอีกเล็กน้อย ก่อนจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป"นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนรายละเอียดของการปฏิบัติตามนโยบายหรือมาตรการที่จะดำเนินการนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องยึดเป็นมาตรการบนหลักการของการทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่านโยบายรัฐบาลและมาตรการที่จะเกิดขึ้นหลังการแถลงรายละเอียดจะเป็นไปตามกรอบงบประมาณ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าในบางนโยบายอาจต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก อาทิ การดูแลสวัสดิการแม่และเด็ก, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 400 บาทนั้นจะไม่สามารถทำได้จริง เพราะงบประมาณไม่เพียงพอนั้น ตนยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนได้แน่นอน
"ในระหว่างที่จัดทำนโยบายได้มีการหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของงบประมาณ แต่ขณะนี้ตนไม่สามารถตอบเป็นตัวเม็ดเงินได้ แต่ยืนยันยังคงอยู่ในกรอบของงบประมาณ"
ส่วนประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้บรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลนั้น นายสนธิรัตน์ บอกว่า ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องมีการหารือเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ส่วนจะรับไม่ไว้ในนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ยังไม่ได้กำหนดเงื่อนไข แต่ต้องมาร่วมกันหารือกัน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นเร็วๆนี้ พร้อมยืนยันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องนายกรัฐมนตรีเป็นคนต้องตัดสินใจ
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงระยะเวลาในการแถลงนโยบายว่า ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะหารือและกำหนดระยะเวลา แต่มองว่าในการแถลงนโยบายควรมีระยะเวลาให้ทุกฝ่ายพิจารณาและแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตามไม่กังวลว่าเวทีแถลงนโยบายดังกล่าวจะถูกฝ่ายค้านนำไปใช้เป็นเครื่องมือหรือประโยชน์ทางการเมือง เพราะตนมองในแง่ดีที่ว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมแสดงความเห็นเพื่อประโยชน์ของประเทศ ซึ่งความเห็นใดที่เป็นประโยชน์ หรือ เป็นประเด็นติติงพร้อมจะรับฟัง