นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์" ว่า จะนำข้อสรุปที่ได้จากการสัมมนาครั้งนี้เสนอให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเพื่อขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม และการที่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางมาร่วมงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาย่อมแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้มีประโยชน์มากกว่าผลเสีย
สำหรับข้อเสนอของการสัมมนากลุ่มย่อยที่น่าสนใจ ได้แก่ 1.ขอให้แยกกัญชา กัญชง และกระท่อม ออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติด แล้วมีกฎหมายเฉพาะ 2.เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติที่จะนำไปสู่การจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะ 3.การอนุญาตให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาไว้ใช้เองในครัวเรือนรายละ 6 ต้น 4.ส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ 5.กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนากัญชาเพื่อการแพทย์และเพื่อธุรกิจ
ปัจจุบันแพทย์แผนไทยมีการนำกัญชามาใช้ในการรักษาผู้ป่วย 16 ตำรับ แพทย์แผนปัจจุบัน 4 โรค แต่มีผู้ป่วยกว่า 8 แสนคนที่ใช้การรักษาแบบใต้ดินราว 40-50 โรค ซึ่งประสบปัญหาเรื่องคุณภาพของน้ำมันกัญชา เพราะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเปิดเผยเพราะผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ หากมีการอนุญาตให้นำกัญชามาใช้เพื่อการแพทย์ได้จะสามารถทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศได้ปีละ 2 แสนล้านบาท และส่งออกได้ปีละ 1 แสนล้านบาท
"การขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์นี้คาดว่าจะมีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมา ซึ่งต้องขอเวลาไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเป็นเรื่องใหม่และเกี่ยวพันกับหลายหน่วยงาน และเท่าที่สังเกตดูท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดี ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว...ในระยะแรกขอผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพและปากท้องของประชาชน" นายอนุทิน กล่าว