นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์" ว่า จะนำข้อสรุปที่ได้จากการสัมมนาครั้งนี้เสนอให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเพื่อขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม และการที่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางมาร่วมงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาย่อมแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้มีประโยชน์มากกว่าผลเสีย
สำหรับในการสัมมนากลุ่มย่อยมีด้วยกัน 6 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่ม 1 กัญชา แพทย์แผนปัจุบันและแพทย์แผนไทย ซึ่งมีข้อเสนอขอให้ประชาชนปลูกกัญชารายละ 6 ต้น,ขอให้ประชาชนรวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชาแบบอินทรีย์ได้โดยมีมาตรการควบคุมเอง ไม่ต้องรออนุมัติจากส่วนราชการ, ขอให้แพทย์แผนปัจจุบันที่แนะนำผู้ป่วยใช้ยาจากกัญชาสามารถครอบครองยาจากกัญชาได้, ขอให้แพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันทำงานร่วมกันเพื่อให้การใช้ยาจากัญชาได้ถูกต้อง, ขยายสถานพยาบาลที่ผลิตยาจากกัญชา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น, ขอให้สามารถใช้กัญชาเป็นอาหารเสริม หรือสมุนไพรในครัวเรือน
กลุ่ม 2 กัญชาคือพืชเศรษฐกิจ สำหรับเกษตรกรไทย ซึ่งมีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อดูแลการวิจัยและพัฒนากัญชาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และนำไปสู่การจัดตั้งองค์กรถาวรระดับชาติ, ถอดพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 แล้วออกเป็นกฎหมายเฉพาะ โดยมีการกำหนดบทลงโทษหากมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์, จัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์กัญชา, การจัดทำมาตรฐาน เช่น เมล็ดพันธุ์, วิธีการปลูก, วิธีเก็บเกี่ยว, วิธีแปรรูป, ผลิตภัณฑ์จากกัญชา
กลุ่ม 3 กัญชาและสารสกัดจากกัญชาคือการค้นพบที่มีคุณค่าต่อมนุษยชาติ มีข้อเสนอให้นำของกลางในคดียาเสพติดมาใช้ทางการแพทย์ให้มากที่สุด, ปลดล็อคให้สถาบันการศึกษาทำการวิจัยกัญชาได้อย่างเสรีภายใต้ระบบควบคุมของแต่ละสถาบัน, ให้ควบคุมสารแคนนาบินอยด์เพียงแค่สาร THC ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค และการบริโภคต่อวัน เพื่อให้กัญชาใต้ดินมาอยู่บนดืนอย่างปลอดภัย ไม่ให้มีการผูกขาดโดยรัฐหรือเอกชน เพื่อรวบรวมองค์ความรู้และพัฒนาต่อไป, ให้ปลดล็อค CBD ในกัญชา-กัญชง เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและยา, การควบคุมยาฆ่าแมลงปนเปื้อนต้องแก้ปัญหาด้วยการห้ามนำเข้า
กลุ่ม 4 กัญชากับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและการปลดปล่อยกัญชาออกจาก พ.ร.บ. ยาเสพติด มีข้อเสนอให้แยกกัญชา กัญชง และกระท่อม ออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติด แล้วมีกฎหมายเฉพาะ
กลุ่ม 5 กัญชาคือการสร้างงาน สร้างรายได้ และธุรกิจใหม่ โดยให้แยกการพัฒนาออกเป็น 2 ส่วน คือ กัญชาเพื่อการแพทย์ ซึ่งเป็นภารกิจทางสังคม และ กัญชาเพื่อธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สามารถทำรายได้และส่งออก
และ กลุ่ม 6 กัญชากับผลกระทบ และมาตรการควบคุมทางสังคม ที่จะช่วยให้ยามีราคาถูก มีการใช้ยาอย่างถูกต้องและเหมาะสม สามารถเข้าถึงได้ง่ายและถูกต้อง มีความปลอดภัย มีสถาบันที่ดูและเฉพาะเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ปัจจุบันแพทย์แผนไทยมีการนำกัญชามาใช้ในการรักษาผู้ป่วย 16 ตำรับ แพทย์แผนปัจจุบัน 4 โรค แต่มีผู้ป่วยกว่า 8 แสนคนที่ใช้การรักษาแบบใต้ดินราว 40-50 โรค ซึ่งประสบปัญหาเรื่องคุณภาพของน้ำมันกัญชา เพราะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเปิดเผยเพราะผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ หากมีการอนุญาตให้นำกัญชามาใช้เพื่อการแพทย์ได้จะสามารถทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศได้ปีละ 2 แสนล้านบาท และส่งออกได้ปีละ 1 แสนล้านบาท
"การขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์นี้คาดว่าจะมีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมา ซึ่งต้องขอเวลาไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเป็นเรื่องใหม่และเกี่ยวพันกับหลายหน่วยงาน และเท่าที่สังเกตดูท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดี ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว...ในระยะแรกขอผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพและปากท้องของประชาชน" นายอนุทิน กล่าว