นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า ที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และวิปของพรรค จะขอใช้เวลาในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลเป็นเวลา 3 วัน จากที่ได้ทราบมาล่าสุดว่าทางรัฐบาลจะให้เวลาเพียง 2 วัน
"การอภิปรายนโยบายรัฐบาลเป็นเรื่องที่สำคัญ และครั้งนี้ ประชาชนให้ความสนใจมากกว่าทุกครั้ง ขอให้สนองความต้องการของชาวบ้านอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ 5 ปีกว่าที่ผ่านมา สังคมไม่ได้ตรวจสอบนโยบายรัฐบาลและไม่ได้เสนอแนะอะไรเลย ครั้งนี้ชาวบ้านจึงฝากมาเสนอแนะด้วย อีกทั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จำเป็นต้องมีความรอบคอบ จึงจำเป็นต้องมีการท้วงติงและชี้แนะ จึงต้องใช้เวลามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ขอให้รัฐบาลทบทวนว่าเวลา 3 วันนั้นไม่ได้มากไปกว่าเดิม แต่เราขอเพียงแค่เท่าเดิม" นายสุทินระบุ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้แสดงความจำนงในการอภิปรายฯ รัฐบาลแล้วเกือบ 50 คน ส่วนเนื้อหาการอภิปรายนั้น จะแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม มีหัวหน้าชุดและวิทยากรเป็นพี่เลี้ยงในแต่ละชุด อาทิ อดีตผู้บริหารพรรค อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ รวมถึงนักวิชาการทั้งภายในพรรคและนอกพรรค และจะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายอดิศร เพียงเกษ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นวิทยากรให้
"ยืนยันว่า การอภิปรายนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์กับการทำงานของรัฐบาลเอง แต่ถ้าหากรัฐบาลทำไม่ได้จริงๆ คำตอบสุดท้ายจึงจะเป็นการล้มรัฐบาล" นายสุทินระบุ
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เนื้อหาการอภิปรายจะแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม คือ 1.ด้านเศรษฐกิจ อาทิ สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ระบบคมนาคม รายได้ท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่ามีปัญหาอย่างไร 2.ด้านการเมือง อาทิ กฎหมาย หลักธรรมาภิบาล กรอบคุณธรรม จริยธรรม การทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติของรัฐมนตรี 3.ด้านความมั่นคง อาทิ สิทธิเสรีภาพของประชาชน และการควบคุมสิทธิเสรีภาพด้านโซเชียล
4.ด้านสังคม อาทิ การสาธารณสุขของประเทศ ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็ก สตรี และคนชรา รวมถึงความไม่พร้อมที่จะนำนโยบายกัญชามาใช้กับประเทศไทย 5.ด้านการศึกษา และ 6.ด้านการกระจายอำนาจ อาทิ การลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ว่าควรจะใช้อำนาจอย่างไร โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ จะเป็นผู้อภิปรายเปิดประเด็น ก่อนที่จะกลับมาสรุปในช่วงท้ายอีกครั้ง
นอกจากนี้ สำหรับรัฐมนตรีที่มีปัญหานั้น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่ม 3 ป.คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กลุ่มที่ 2 กลุ่มรัฐมนตรีที่มีคดีค้างอยู่คือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีคดีกบฏและเคยร่วมเดินขบวนล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกลุ่มที่ 4 กลุ่มรัฐมนตรีที่ถือหุ้นสื่อคือ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน, นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี