นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิ่มอีก 1 คำร้อง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคตามกฎหมายให้ไปปิดการสัมมนาเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวเปิดใจกลางวงสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐว่า "เราเป็นครอบครัวเดียวกัน วันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุน แต่หลังจากแถลงนโยบายแล้ว จะพิจารณาเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียวกัน อย่าได้แตกเป็นกลุ่ม เป็นก๊วนอีก" ซึ่งคำพูดดังกล่าวเป็นหลักฐานที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรค พปชร.แต่อย่างใด
ดังนั้น การที่พรรค พปชร.ได้ให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นประธานและกล่าวปิดการสัมมนาของพรรค พร้อมกับคำชี้แนะอื่นๆ ให้ ส.ส.ปฏิบัติอีกมากมายจึงมีลักษณะเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระโดยชัดแจ้ง อันเป็นลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 28 แห่ง พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีความผิดตาม มาตรา 92(3) ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคที่ชัดเจนยิ่ง
นอกจากนั้น เมื่อ พล.อ.ประวิตร ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรค พปชร. และนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ กกต.ยังไม่รับรอง แต่กลับไปกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระด้วยนั้น ย่อมเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 29 แห่ง พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ตามไปด้วย ซึ่งมีความผิดตาม มาตรา 108 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการไต่สวนและให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐและเอาผิด พล.อ.ประวิตร ด้วยต่อไป