พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นวันที่สอง โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยสมาชิกรัฐสภาได้สอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเกษตกร และการตรวจสอบการทุจริตในกรณีต่างๆ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลได้วางแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนปัญหาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น คณะกรรมการไตรภาคีจะเป็นผู้พิจารณา แต่รัฐบาลพร้อมที่จะรับไปดูแลอย่างเป็นระบบ เพราะการปรับค่าแรงจะกระทบผู้ประกอบการและราคาสินค้า ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาระยะยาวที่จะเน้นเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน
ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลควรปรับยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต่างประเทศรักและชอบประเทศไทย แต่ไม่ชอบการประท้วง ดังนั้น เสถียรภาพทางการเมือง และความสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนและการท่องเที่ยว ขณะที่ไทยเองยังมีปัญหาเวลาจะมีการลงทุนใหม่ๆ โดยเกิดจากความไม่เข้าใจของประชาชน ดังนั้นทุกอย่างต้องมองในภาพรวมก่อน ว่าอะไรจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องเตรียมการปฎิรูปทั้งระบบให้ทันการเปลี่ยนแปลง และทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือ เพราะถ้าไม่ร่วมมือก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ไทยก็ต้องสร้างการลงทุนและโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ไทยมีความเจริญเติบโตสูงขึ้น
สำหรับมาตรการการแก้ไขปัญหาภัยแล้งนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนการดำเนินการทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะการผลักดันพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ชี มูล เข้าสู่ภาคเกษตรในทุกหมู่บ้าน แต่ปัญหาที่พบคือไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ แต่รัฐบาลก็ยังคงต้องเดินหน้าศึกษาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
เช่นเดียวกับปัญหาของเกษตรกร ที่ส่วนตัวมองว่า วันนี้เกษตรกรทำนา แต่ไม่ได้เงิน เพราะมีแต่หนี้ ที่ไปกู้ยืมมา ซึ่งรัฐบาลก็ต้องเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อลดปัญหาหนี้สินของเกษตรกร รวมถึงพิจารณาถึงปริมาณการผลิต และความต้องการของตลาด ให้มีความสมดุลกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง แนวทางการป้องกันทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยงานของภาครัฐ ซึ่งมีข้อเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลให้ดำเนินการตรวจสอบ ว่าการดำเนินการทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน หากพบว่ามีความผิด ก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานนั้น รัฐบาลมีแผนปฎิรูปพลังงานอยู่แล้ว นอกจากนี้รัฐบาลให้ความสำคัญการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งในด้านน้ำมัน ก็ส่งเสริมการใช้ B20 มากขึ้น และจะส่งเสริมให้นำไบโอดีเซลไปใช้ในระบบขนส่งมวลชน
ส่วนการส่งเสริมการใช้ยางพารา ได้มีการติดต่อกับกลุ่มประเทศมุสลิม ซึ่งมีความสนใจที่จะลงทุนนำยางพาราไปทดสอบการทำถนนด้วย