พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานกล่าวในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 ระบุว่า ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้ มุ่งมั่นที่จะสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และก้าวไปสู่อนาคต ภายใต้กรอบแนวคิดหลัก "ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน" เพื่อจะสร้างประชาคมให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่าง ๆ โดยจะร่วมมือร่วมใจกับหุ้นส่วนนอกภูมิภาคขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ทั้งนี้ อาเซียนได้สร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญหลายประการ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ผู้นำในอาเซียนได้ร่วมรับรองวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน
นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉินสำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียน ที่เรียกว่าศูนย์เดลซ่า (DELSA) และดำเนินการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงร่วมรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ตาม อาเซียนไม่สามารถบรรลุผลได้เพียงลำพัง แต่ต้องเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาอาเซียน และประเทศนอกภูมิภาค รวมทั้งเปิดรับความร่วมมือกับภาคีต่างๆ สะท้อนได้จากการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ในฐานะประธานอาเซียน โดยได้นำเสนอผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางการเงิน 2. การลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างเมืองและชนบท 3. การอนุรักษ์และฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางธรรมชาติ และ 4. การพัฒนาทุนมนุษย์
"การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีเพื่อสร้างความต่อเนื่องจากการประชุมต่างๆ และผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ใน 3 แนวทาง ดังนี้ 1. การใช้ประโยชน์จากกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ และความร่วมมืออาเซียนกับประเทศคู่เจรจา เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติให้อาเซียน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนอาเซียนทุกคน 2. การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ด้วยการใช้ประโยชน์จากแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนฉบับปัจจุบันกับยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงต่าง ๆ นอกภูมิภาค ในมิติต่าง ๆ 3. การเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค ด้วยการเชิญชวนให้มิตรประเทศมาร่วมมือบนหลักการของ 3M ด้วยการสร้างบรรยากาศที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เคารพและเข้าใจในความแตกต่างหลากหลายระหว่างกัน และมุ่งสู่ผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้ง การร่วมกันแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี"
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนท้ายว่า หวังว่าการประชุมในครั้งนี้จะนำไปสู่แนวทางร่วมกันในการแปรเจตนารมณ์สู่การปฏิบัติ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนที่ดีกับมิตรประเทศ องค์กรระหว่างประเทศและภูมิภาค และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดขึ้นได้ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ในเดือนพฤศจิกายน 2562