คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาควบคุมเรื่องเศรษฐกิจด้วยตนเองว่า ทีมเศรษฐกิจก็ทีมเดิมนายกรัฐมนตรีก็คนเดิม แต่ 5 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย
"สิ่งที่ต่างกันมีเพียงตอนนี้ไม่มีม.44 ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าในช่วงที่มีม.44 ไม่ได้ใช้ทำอะไรให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เกิดรากฐานเศษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน วันนี้ไม่มีม.44 แล้ว ยังมองไม่ออกว่าความสามารถของนายกฯ คนเดิมและทีมเศรษฐกิจเดิมจะดีกว่าเก่าอย่างไร แต่ไม่ตำหนิและจะเอาใจช่วยให้ประชาชนอยู่รอดได้และจะรอดูผลงาน"
ส่วนกรณีนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส. ) จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ทางนายพรศักดิ์ แจ้งเรื่องการลาออกมาว่าเป็นเรื่องคดีที่มีอยู่ ซึ่งการกระทำลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเพียงพรรคเพื่อไทย แต่พรรคอื่นๆ ก็มีกรณีแบบนี้เช่นกันที่ส่วนใหญ่จะใช้เรื่องคดีมาเป็นข้อต่อรอง ซึ่งก็ไม่เป็นไร และเข้าใจ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีนัดพิจารณาคดี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย จงใจปกปิดการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ว่า ขอให้กำลังใจให้นายพลภูมิรอดจากคดีความ และยังไม่ได้มองว่าจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ วันนี้ขอดูแลคนของพรรคให้ดีที่สุดแม้ว่าจะไม่มีอำนาจพิเศษอย่างฝ่ายรัฐบาลที่ช่วยเรื่องคดีของหลายคนได้ แต่หวังในกระบวนการยุติธรรม และจะสู้อย่างเต็มที่
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ระบุว่า ไม่เชื่อรัฐบาลประยุทธ์ 2 จะสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ เพราะเป็นการทำงานโดยทีมเศรษฐกิจชุดเดิมที่ทำงานมาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
"ส่วนตัวไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลนี้อยู่แล้ว คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ภายใต้ทีมเศรษฐกิจชุดเดิมที่ทำงานมาหลายปีจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถบริหารประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้ สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง ปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ก็จะได้ใจประชาชนไป แต่หากแก้ปัญหาไม่ได้ก็ขอให้พิจารณาตัวเอง