นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายวิรัช และนางทัศนียา รัตนเศรษฐ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับพวก รวม 24 ราย กรณีทุจริตในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างงานปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล) มีลักษณะมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามรูปแบบรายการและวิธีการก่อสร้าง สนามกีฬาไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวข้างต้นของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียง ชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 24 ราย ประกอบด้วย ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย ข้าราชการ 11 ราย เอกชน 10 ราย (บุคคลธรรมดา 7 ราย นิติบุคคล 3 ราย)
ขณะที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชี้แจงว่า ได้ยื่นหนังสือทักท้วงต่อ ป.ป.ช.ไปแล้วหลังจากถูกชี้มูลความผิด เพราะหลักฐานสำคัญที่ ป.ป.ช.นำมาดำเนินคดีกับตนเองเป็นเพียงใบบัญชีคุมยอดรายการแปรญัตติเพิ่มปี 2555 ที่ระบุเพียงว่า พรรคเพื่อไทยได้รับงบประมาณ 2,588,420,000 บาท และมีพรรคการเมืองที่ได้รับงบแปรญัตติดังกล่าวด้วย อาทิ พรรคชาติพัฒนา 140 ล้านบาท พรรคประชาธิปัตย์ 925 ล้านบาท พรรคภูมิใจไทย และยังระบุว่าตนเองได้รับงบแปรญัตติดังกล่าว 300 ล้านบาท ซึ่งจากที่ดูในเอกสารดังกล่าวพบว่าเป็นเพียงเอกสารลอยๆ ไม่มีการระบุที่มา และไม่มีการเซ็นชื่อรับรองว่าเป็นเอกสารจากหน่วยงานใด แค่มีชื่อตนเองเข้าไปปรากฏอยู่ก็ถูกนำไปชี้มูลความผิดแล้ว
"ผมขอยืนยันว่าไม่เคยได้รับงบแปรญัตตินี้เลย ป.ป.ช.เคยทำหนังสือสอบถามไปยัง กมธ.พิจารณางบปี 2555 หรือเปล่าว่าได้จัดสรรงบแปรญัตตินี้ให้พรรคการเมืองต่างๆ และตัวผมหรือไม่ และได้ทำหนังสือไปสอบถามพรรคการเมืองที่มีรายชื่อในเอกสารหรือยังว่า ได้รับงบแปรญัตติจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ป.ป.ช.เรียกผมไปชี้แจงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็มีมติออกมาเลย" นายวิรัช กล่าว
นายทศพล เพ็งส้ม ทนายความของนายวิรัช กล่าวว่า ทีมกฎหมายเตรียมฟ้องดำเนินคดีเอาผิดกับ ป.ป.ช.ตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายพิจารณาคดีอาญา และมาตรา 172 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบปรามการทุจริต เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานเรื่องการแปรญัตติงบที่ ป.ป.ช.นำมาใช้เอาผิดนายวิรัชไม่ได้สอบสวนอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นเอกสารลอยๆ ที่ไม่มีใครกล้าเซ็นรับรอง แต่กลับนำมาใช้เอาผิด รวมทั้งไม่เคยไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าได้มีการแปรญัตติงบไปให้หรือได้รับงบแปรญัตติจริงหรือไม่
"เอกสารในสำนวนของ ป.ป.ช.ระบุชัดว่าพรรคเพื่อไทยได้รับวงเงิน 2.5 กว่าพันล้าน จึงขอให้ ปปช.ทำหนังสือไปถึงพรรคการเมืองเพื่อถามว่าได้งบตัวนี้หรือเปล่า และถามสำนักงบประมาณว่าใครเป็นคนทำได้มาอย่างไร และถ้ามีการดำเนินคดีกับนายวิรัชจริงเท่ากับว่าพรรคการเมืองทุกพรรคมีความผิดจริงตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 72 ซึ่งต้องยุบพรรค ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องทำเรื่องส่งไปยัง กกต.ถ้าไม่ทำเท่ากับละเว้นหน้าที่ ทางเราก็ต้องดำเนินคดี" นายทศพล กล่าว