นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า พรรคเล็ก ได้แก่ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาธรรมไทย และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เห็นไปในแนวทางเดียวกันที่จะทบทวนในการร่วมรัฐบาล โดยเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านอิสระ
"เมื่อ 2-3 เดือนแล้ว นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ เลขาธิการพรรค มาเชิญพรรคเล็กให้เข้าร่วมรัฐบาลแบบมีเกียรติ เป็นกลุ่มแรกที่ทำให้รัฐบาลเสียงเกิน 126 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดสวิทซ์ประเทศไทย โดยเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมกันพารัฐนาวาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เดินหน้าต่อไป วันนี้พรรคเล็กทั้งหมด 10 พรรคถอยมามากแล้ว เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้"
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า แต่ปัจจุบันเมื่อแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว พวกเราได้รับการตอบสนองค่อนข้างน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายที่ไม่ชัดเจน และตามรัฐธรรมนูญเรามีตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว เราไม่มีตัวแทนเข้าไปอยู่ในฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของพรรคได้จึงเป็นอุปสรรคและการที่จะอภิปรายใด ๆ ก็ตามในปัจจุบันค่อนข้างจะลำบากเพราะเราติดสถานะความเป็นฝ่ายรัฐบาล เวลาพรรคเล็กจะยื่นปรึกษาหารือหรือตั้งกระทู้สดก็ต้องขอวิปรัฐบาลและเขาต้องดูข้อมูลก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่อึดอัด
แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านอิสระเรื่องพวกนี้จะไม่ถูกท้วงติง ความทุกข์ร้อนของประชาชนจะไม่ถูกสกรีน มีอะไรก็พูดตรง ๆ โดยไม่ต้องหมางใจกัน และอะไรที่ไม่ถูกต้องเราก็ต้องท้วงติง ถ้าหากท้วงติงไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ฝ่ายค้านอิสระจะพูดอะไรได้เต็มปากเต็มคำ ซึ่งการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระของพวกตนเริ่มต้นมา 2 เดือนแล้ว แต่สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายรัฐบาล และมีหลายอย่างที่ทำให้พวกตนรู้สึกอึดอัด
"เมื่อเราเปิดสวิทซ์ประเทศไทยแล้ว รัฐนาวาของพล.อ.ประยุทธ์ จะเดินไปได้อีก 1 เดือน 4 เดือน 6 เดือน หรือ 4 ปี ก็อยู่ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะแก้ไขปัญหาทางการเมืองนี้ได้ด้วยความสามารถเชิงการบริหารหรือไม่ ขอย้ำว่าแก้วที่มันร้าวมากแล้ว บังเอิญกาวตราช้างก็ไม่มีประสาน จึงทำให้ต่อติดค่อนข้างลำบาก "นายมงคลกิตติ์ กล่าว
พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพรรคพลังชาติไทย ยืนยันว่า 11 พรรคเล็กที่ประกาศร่วมรัฐบาลยังมีต่อมติร่วมรัฐบาลต่อไป ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้เตรียมประกาศแยกตัวและเตรียมเป็นฝ่ายค้านอิสระนั้น เชื่อว่าเป็นความเห็นส่วนตัว และไม่เกี่ยวกับข้อตกลงของ 11 พรรคเล็กที่เคยตกลงว่าจะร่วมรัฐบาล รวมถึงไม่ต่อรองขอตำแหน่ง ยกเว้นพล.อ.ประยุทธ์ จะพิจารณาให้
พล.ต.ทรงกลด กล่าวยืนยันว่ากลุ่ม 11 พรรคเล็กไม่มีความแตกแยกต่อประเด็นการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาแต่ละคน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคสามารถให้ความคิดเห็นส่วนตัวได้
"ขอคุยกับน้องมงคลกิตต์ ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าคงเป็นเพียงอาการน้อยใจ ไม่ใช่การให้ข่าวเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างพรรคเล็ก รวมถึงเพื่อต่อรองของเก้าอี้ โดยเฉพาะตำแหน่งประธานกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร เพราะผมไม่เชื่อว่าน้องเขาจะเป็นคนที่หวังประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าทำงานเพื่อประชาชน" พล.ต.ทรงกลด กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้แจ้งหรือหารือประเด็นดังกล่าวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
ด้านร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีพรรคเล็กจะแยกตัวจากรัฐบาลว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป ส่วนเสถียรภาพในการทำงานของรัฐบาลนั้นก็คงไม่กระทบ ไม่ปริ่มน้ำ เพราะตนดูแลตรงนี้อยู่ แต่บางเรื่องบางราวนั้นตนคงพูดไม่ได้
ต่อข้อซักถามว่า ในฐานะที่ดูแลพรรคเล็กอยู่นั้นจะนำข้อเสนอไปหารือกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคเล็กเขาทำข้อเสนอไปแล้วว่าต้องการอะไร และส่งไปที่พรรคเรียบร้อยแล้ว ได้เจอกับผู้ใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่จะคุยอะไรก็ต้องพูดให้ชัดเจน
"คงต้องฟังนายมงคลกิตติ์ว่าอึดอัดใจอะไร ตนไม่ได้เข้าข้าง แต่เขาเสียสละมามากพอแล้ว ควรให้ความสำคัญกับเขาบ้าง เขาเซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับใคร คนๆ นั้นควรจะรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเขาคงไม่ไปไหน เดี๋ยวก็ปรับความเข้าใจกัน"
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า หากไม่ได้รับมอบหมาย คงคุยอะไรโดยพลการไม่ได้ ต้องเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคที่ต้องไปแก้ปัญหา หรือรอให้มีนโยบายที่ชัดเจนก่อนว่ามอบหมายให้ตนไปคุยกับพรรคเล็ก
"วันนี้มันจบแล้ว และทุกคนก็ส่งตัวแทนมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ยกเว้น 10 พรรคเล็กที่ยังไม่ได้รับการดูแล อย่างไรก็ตาม 10 พรรคเล็กก็คงต้องฟังเขาบ้าง ถ้าไม่ฟังเลยวันหนึ่งคุณอาจจะเสียใจ ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าตนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ควรให้ความสำคัญกับทุกคน อย่าลืมว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ 10 พรรคเล็กเป็นกำลังสำคัญ"
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ขณะนี้ตนเป็นรมช.เกษตรฯ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องในสภาฯ ก็เป็นเรื่องของกลไกสภาฯ