น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่า ขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และขับเคลื่อนส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยให้เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ดำเนินการเร่งด่วนใน 5 ประเด็นหลัก คือ 1.ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้ามาเป็นสมาชิกภาคการเกษตรเพิ่มมากขึ้น โดยสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรเล็งเห็นประโยชน์ในการเข้ามาเป็นสมาชิก และจะส่งผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพของเกษตรกรอย่างไร 2.ให้เร่งแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ ไม่ให้มีหนี้สินพอกพูน ซึ่งจะต้องไปดูเรื่องของการประกอบอาชีพและรายได้ว่าเพียงพอหรือไม่ โดยต้องมีวิธีการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้คำแนะนำการสร้างอาชีพให้แก่สมาชิก 3.การผลิตสินค้าการเกษตร สหกรณ์ต้องเข้าไปส่งเสริมสมาชิกให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐไปใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตการเกษตร และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกับเกษตรกรด้วย 4.การพัฒนาระบบขีดความสามารถของสหกรณ์ให้เป็นระบบสากล และ 5.สนับสนุนให้สหกรณ์รับซื้อน้ำยางดิบจากเกษตรกรแล้วนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐรับซื้อยางจากสหกรณ์โดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกกดราคา
รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สหกรณ์มีศักยภาพในการผลิตสินค้าการเกษตรที่สำคัญหลายชนิด ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา โดยเฉพาะยางพารา สหกรณ์สามารถรวบรวมน้ำยางดิบจากสมาชิกนำมาผลิตเป็นน้ำยางข้น ยางแผ่น และยางแท่งได้ และบางส่วนได้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางพารา เช่น หมอน ที่นอน แผ่นรองปูพื้นสนาม ถุงมือและรองเท้า ดังนั้น จะสนับสนุนให้สหกรณ์รับซื้อน้ำยางดิบจากเกษตรกรแล้วนำมาแปรรูปตามผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคมต้องการนำผลิตภัณฑ์ยางพารามาแปรรูปเป็นกรวย และแท่งแบริเออร์เพื่อวางกั้นบนพื้นผิวจราจร ซึ่งจะมีการหารือกับกระทรวงคมนาคม ขอให้สหกรณ์เป็นผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้ และขอให้กระทรวงคมนาคมประสานและสั่งซื้อจากสหกรณ์โดยตรง โดยเบื้องต้นทราบว่า มีสหกรณ์ทางภาคใต้ เช่น สหกรณ์การเกษตรรัตภูมิ จำกัด จังหวัดสงขลา และชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางสตูล จำกัด จังหวัดสตูล ที่มีศักยภาพในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพาราเป็นกรวยและแท่งแบริเออได้ นอกจากนี้ ยังได้วางแผนลงไปตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงงานรวบรวมน้ำยางของสหกรณ์สวนยางในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อให้เร่งดำเนินการได้ทันรองรับปริมาณผลผลิตยางพาราจากเกษตรกรในพื้นที่โดยเร็วที่สุด
หลังจากนั้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ไปมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยได้มอบแนวทางในการปฏิบัติงานมุ่งเน้นให้ผู้สอบบัญชีเป็นผู้แนะนำสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง ทั้งการทำบัญชีและการทำงบการเงิน รวมถึงการจัดการภายในต่างๆ อีกทั้งมีการติดตามและพัฒนาความรู้ ความสามารถให้เท่าทันความก้าวหน้ากับเทคโนโลยีและธุรกิจของสหกรณ์ในปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าขึ้น และเน้นย้ำให้สร้างความเข้าใจทั้งระหว่างผู้สอบบัญชีด้วยกันเอง และผู้สอบบัญชีกับสหกรณ์โดยสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจถึงแนวทางในการทำงาน ตลอดจนระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้กรมฯ สร้างความเข้าใจถึงนโยบาย คุณธรรม จริยธรรม กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ รวมไปถึงวิธีการทำบัญชีว่าควรทำอย่างไร ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ โดยวางระบบการทำบัญชีให้เป็นรูปแบบเดียวกันด้วย
ส่วนการมอบนโยบายกรมวิชาการเกษตร รมช.เกษตรฯ ได้สั่งการให้ทบทวนเรื่องสารเคมีอันตรายที่มีความเสี่ยงสูงใหม่ทั้งหมด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซส รวมถึงปุ๋ย ยา หรือสารเคมีชนิดอื่น ๆ ที่กำลังจะมีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ในการอนุญาต ซึ่งจะมีการพิจารณาทบทวนอีกครั้งซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน คาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้ โดยจะลงพื้นที่ตรวจโรงงานเองด้วย ส่วนกฎหมายที่ต้องทบทวนนั้นต้องขอมาดูก่อน
"เน้นย้ำการยกเลิกการใช้สารเคมีอันตรายมีความมุ่งมั่นให้จบภายในสิ้นปีนี้ แต่ต้องย้อนไปตรวจสอบสต็อกสินค้าก่อน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับรายงานข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร" น.ส.มนัญญา กล่าว
โดยนโยบายเรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ยืนยันแล้วว่าจะต้องทำให้เด็ดขาดและรวดเร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการอนุญาตสิ่งผิดๆ