นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นำทีมคณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 18-19 ก.พ.นี้ ยก 19 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก และนโยบายระยะยาวช่วง 4 ปี ชี้แจงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เปิดโอกาสอภิปรายเต็มที่
"รัฐบาลเชื่อมั่นว่านโยบายดังกล่าวจะสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจและสังคมไทย ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทย นักลงทุนต่างชาติ และประชาคมโลก"เอกสารนโยบายรัฐบาล ระบุ
รัฐบาลกำหนดหลักการที่จะบริหารประเทศในช่วง 4 ปีที่สำคัญไว้ 2 ประการ คือ การสร้างความสมานฉันท์ในชาติ และ การสร้างความสมดุลและภูมิคุ้มกันให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ โดยประเด็นหลักคือการเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญผลกระทบจากปัจจัยภายนอก 2 ประการ คือ ปัญหาซับไพร์มและปัญหาราคาน้ำมันแพง
ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก 19 ข้อจะมุ่งสร้างความสมานฉันท์ในสังคม, สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง แก้ปัญหาความยากจน โดยพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อเพิ่มศักยภาพการหารายได้ ลดรายจ่าย ตลอดจนการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความสำคัญเร่งด่วน
นโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ และสร้างเสถียรภาพทั้งด้านการเมือง การปกครอง สังคม และเศรษฐกิจ, 2.แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แนวทางพระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"
3. เร่งแก้ปัญหายาเสพติดและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ลดปริมาณผู้เสพและป้องกันกลุ่มเสี่ยงใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนควบคู่กับมาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม, 4.แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ โดยดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท ระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต
5. เพิ่มศักยภาพของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ให้สามารถยกระดับเป็นธนาคารหมู่บ้านและชุมชน, 6.จัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากร(SML) ให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน, 7.สานต่อโครงการธนาคารประชาชน เพื่อกระจายโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ลดการพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ
8. สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชนผ่านสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารเอสเอ็มอี,9. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ 10.พักหนี้ของเกษตรกรรายย่อยและยากจนผ่านกระบวนการจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพ, 11.สร้างระบบประกันความเสี่ยงให้เกษตรกร เพื่อลดความเสี่ยงอันเนื่องมาจากผลกระทบความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และสร้างกลไกในการสร้างเสถียรภาพราคาของสินค้าเกษตรที่เป็นธรรม
12.ขยายบทบาทของศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน(Fix-it Center)และสถาบันอาชีวศึกษา เพื่อให้คำแนะนำและถ่ายทอดความรู้ในการใช้ การดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องมืออุปกรณ์การประกอบอาชีพ, 13.สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร บ้านรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่สามารถเดินทางเชื่อมระหว่าง กทม.และปริมณฑลด้วยระบบขนส่งมวลชนได้อย่างสะดวก
14.เร่งรัดการลงทุนที่สำคัญของประเทศ เช่น การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม.และปริมณฑล 9 สาย รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และรถไฟชานเมือง และรถไฟก้างปลาเชื่อมโยงจังหวัด และการพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานสากล, 15.ใช้มาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงาน โดยเร่งรัดโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน รวมทั้งเร่งมาตรการประหยัดพลังงาน
16.ฟื้นความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยประกาศให้ปี 2551-2552 เป็น"ปีแห่งการลงทุน"และ"ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย",17.วางระบบการถือครองที่ดินและกำหนดแนวเขตการใช้ที่ดินให้ทั่วถึงและเป็นธรรม โดยใช้ข้อมูลระบบภูมิสารสนเทศภายใต้กระบวนการที่ชุมชนมีส่วนร่วม,18. ขยายพื้นที่ชลประทานและเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน โดยฟื้นฟูและขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน, 19.เร่งรัดมาตรการและโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อน
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--