นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่านายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน จำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส โดยเป็นทรัพย์สินในประเทศ จำนวน 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ จำนวน 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ทรัพย์สินในประเทศ
รายการที่ 2 เงินลงทุนในบริษัท ปาล์ม บิซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 20,000 หุ้น ราคาจดทะเบียนมูลค่าหุ้นละ 100 บาท มูลค่ารวม 2,000,000 บาท
- ทรัพย์สินในต่างประเทศ
เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีนี้ เนื่องจากนายประหยัด พวงจำปา ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 ต่อมาได้มีหนังสือสำนักงาน ปปง. แจ้งข้อมูลเบาะแสการวิเคราะห์ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยซึ่งเกี่ยวข้องกับนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรสของนายประหยัด พวงจำปา ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่านายประหยัด พวงจำปา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด พวงจำปา โดยการตรวจสอบเชิงลึก เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 มีเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะทำงาน
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ประกาศระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการยื่นบัญชีการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 และการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ซึ่งตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นตำแหน่งที่อยู่ภายใต้ประกาศดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการฯ เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะดำเนินการ โดยมอบหมายให้น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. และนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้โอกาสนายประหยัด พวงจำปา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ประกอบกับพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนายประหยัด พวงจำปาแล้ว เห็นว่าจากพยานหลักฐาน มีมูลว่าการกระทำของนายประหยัด พวงจำปา เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่านายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน และให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ศาลประทับฟ้อง) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 158 มาตรา 43 มาตรา 81 มาตรา 167 และมาตรา 188 ต่อไป
เลขาธิการ ป.ป.ช. ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่ากรณีการชี้มูลความผิดนายประหยัด พวงจำปา จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้อันเป็นเท็จนี้จะมีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับคดีปาล์มอินโดฯ หรือไม่ โดยระบุว่าเป็นคณะกรรมการอีกชุดที่จะดำเนินการพิจารณาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ทราบมาว่าคดีปาล์มอินโดฯ มีการรวบรวมพยานหลักฐานได้แล้ว 80% และคาดว่าคดีจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า น.ส.สุภา ปิยะจิตติ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. รวม 5 ราย และผู้บริหารบริษัทข้ามชาติในเครือ ปตท.อีก 1 ราย ติดสินบนพยานเพื่อสร้างหลักฐานเท็จนั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบเป็นเพียงข้อมูลจากข่าว ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ประสานกับหน่วยงาน ป.ป.ช.อินโดนีเซียแล้ว ได้รับรายงานว่าที่อินโดนีเซียไม่ปรากฎข่าวนี้แต่อย่างใด