พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์เช้าวันนี้ ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.62 ว่า ครม.ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตนเองได้ทำเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตไป และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะให้ ครม.นำไปสู่การปฏิบัติ และครม.จะนำพรดังกล่าวไปใส่กรอบประดับในที่ทำงานหรือที่สมควร ซึ่งตนเองจะนำไปประดับไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นในเรื่องการถวายสัตย์
"ที่ผ่านมาได้เผยแพร่ทางสื่อ ทางโซเชียลต่างๆ หรือทางโทรทัศน์ ซึ่งวันนี้เป็นลายลักษณ์อักษรมา ทรงพระราชทานโปรดเกล้าฯ ตามที่ขอพระราชทานไป ส่วนเรื่องอื่นก็เป็นเรื่องของเรื่องอื่นต่อไป ไปว่ากันมา"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าพิธีดังกล่าวเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่หรือไม่ และจะทำให้รัฐบาลต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาใหม่หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการถวายสัตย์จะจบหรือไม่ภายหลังพิธีรับพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์นั้น จะจบหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผู้วิจารณ์ที่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และคงไม่ก้าวล่วงใครทั้งสิ้น พร้อมกันนี้ปฏิเสธตอบคำถามว่ามีความจำเป็นต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาใหม่อีกครั้งหรือไม่
กรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ของ ครม.ไม่ครบถ้วนว่า เป็นดุลพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้หากสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดการอภิปรายทั่วไปในเรื่องการถวายสัตย์ฯนั้น ก็ถือเป็นสิทธิของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นสิทธิการตัดสินใจส่วนตัวเช่นกันว่าจะเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่
ส่วนที่วานนี้ระบุว่าจะหาเวลาเข้าสภาฯ เพราะมีคนคิดถึงนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า จะพยายามเข้าไปรับฟังเรื่องที่ทางสภาฯพูดเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ก็จะรับฟังเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา ที่ผ่านมามีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าไปชี้แจง ซึ่งหากตนเองอยู่ด้วย จะช่วยเสริมการชี้แจงในเรื่องต่างๆได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันและเรื่องไหนที่ตนเองตอบได้ก็จะตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ หรืออาจส่งตัวแทนไปตอบ ก็ทำเหมือนที่นายกรัฐมนตรีคนอื่นทำมา จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในส่วนของรัฐบาล และรัฐมนตรีต่างๆ ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหนก็ตาม ต้องทำงานด้วยกัน เพราะเป็นรัฐบาลของแผ่นดินนี้ ที่ต้องดูแลประเทศชาติและประชาชน และต้องไม่มีความขัดแย้ง หลายอย่างที่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆเสนอเข้ามาครม.ก็ต้องพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการทำงานมากที่สุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่พรรคการเมืองต่างๆที่ได้ลงพื้นที่ไปรับทราบปัญหาของประชาชนและเสนอมา ตนเองก็พยายามนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้มากที่สุด แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดินด้วย เพราะมีพระราชบัญญัติว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า มาตรา 28 จึงทำให้มีความแตกต่างจากในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาค่อนข้างมาก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ขอให้ทุกคนใจเย็นกันบ้าง อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็ขอให้ลดลง ตนเองพร้อมที่ทำงานต่อไปให้กับประชาชน ไม่เคยหยุดยั้งการทำงานไม่ว่าจะในช่วง 5 ปีที่แล้ว หรือเวลาจากนี้ต่อไปจะทำงานให้ดีที่สุด