ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวนับแต่วันที่ยื่นลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 พ.ค.62 เนื่องจากคู่สมรสได้ซื้อหุ้นของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จำนวน 800 หุ้น หลังจาก นพ.ธีระเกียรติ เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ
ถึงแม้จะชี้แจงว่าการถือหุ้นดังกล่าวมีจำนวนไม่มาก แต่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดจำนวนการถือครองหุ้น และแม้จะมีเพียงหนึ่งหุ้นก็ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐจึงเข้าข่ายการถือครองหุ้นบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 187 และมาตรา 184 (2) และห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเวลา 2 ปี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (8)
ส่วนกรณีของนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม และ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่าการถือครองหุ้น บริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐก่อนเข้าดำรงตำแหน่งไม่ถือว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ
สำหรับคดีนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 8 ม.ค.62 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสามว่า ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีทั้ง 4 สิ้นสุดลงเพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่