รมว.คลัง สั่งตั้งทีมดูแลสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ หวังจัดรูปแบบตรงตามความต้องการเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ข่าวการเมือง Friday August 30, 2019 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมารับผิดชอบเรื่องการจัดสวัสดิการให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อรองรับการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยในรอบใหม่ภายในสิ้นปี 2562 พร้อมทั้งได้ให้มีการตั้งคณะทำงานในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ถือบัตรเข้ามารวบรวมเป็นระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เข้าไปใส่ระบบบล็อกเชน โดยใช้เทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ว่าใครจนจริงไม่จริง และให้สามารถจัดชุดสวัสดิการที่ตรงจุดเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ทั้งนี้ ได้ให้แนวทางไปว่า ต้องมีการพัฒนาโครงข่ายที่ได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้จริงจัง และถูกจุดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่า อาจจะไม่ตรงจุดบ้างเป็นเรื่องปกติบ้าง แต่แก้ไขโดยการใช้เครือข่ายลงพื้นที่ ดูแลเรื่องบัตรสวัสดิการควบคู่ไปกับ e-Payment

"รูปแบบสวัสดิการรอบใหม่จะเป็นการจัดชุดที่มีความแตกต่างกันตามความต้องการ หรือเติมความขาดแคลน ซึ่งยังไม่ได้สรุปชัดว่าจะมีสวัสดิการรูปแบบใด และใช้ประมาณเท่าใด และยังไม่ได้สรุปว่าจะให้สวัสดิการเป็นรายบุคคล หรือแบบครัวเรือน"

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องการจะลดผู้มาลงทะเบียนบัตรคนจนรอบ 2 ให้ลดลงจากครั้งแรกที่ประมาณ 14.5 ล้านคน แม้ว่าจะต้องการคัดกรองผู้ที่จนจริงออกไป แต่การให้สวัสดิการพื้นฐานเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้น คงไม่สามารถบอกได้ว่า การลงทะเบียนรอบสองจะมากหรือน้อยกว่ารอบแรกเป็นเรื่องที่พูดลำบาก

ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูล Big Data ที่ผ่านมา ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน ทำให้ทราบว่าแต่ละรายมีภาระหนี้เป็นอย่างไร และเป็นหนี้นอกระบบอยู่เท่าใด ซึ่งพบว่าในกลุ่มผู้ถือบัตรเป็นหนี้ในระบบกว่า 2.97 หมื่นราย ส่วนที่เหลือยังมีหนี้นอกระบบอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งคลังมีข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ ยังมีประวัติการใช้จ่ายผ่านระบบ e-Payment ว่าส่วนใหญ่มีการใช้ซื้อสินค้าประเภทใด และในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ รวมถึงการใช้รักษาพยาบาล

รมว.คลัง กล่าวว่า สำหรับความช่วยเหลือบัตรคนจนรอบต่อไปจะต้องมีมาตรการเสริมเข้าไปดูแล ช่วยการบริหารจัดการหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ดูแลเป็นพิเศษมีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงกว่า 70-80% ส่วนกลุ่มที่มีภาระหนี้ต่ำกว่าก็ต้องจัดหาองค์ความรู้ พัฒนาอาชีพให้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ