พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัวนายสมธิ ลิ้มทองกุล ผู้ต้องขังชั้นเยี่ยมที่ต้องคดีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และอื่นๆ ซึ่งรับโทษมาแล้ว 3 ปี 1 เดือน โดยขณะที่นายสนธิอยู่ภายในเรือนจำมีความประพฤติดี ช่วยเหลืองานของทางราชการหลายอย่าง และมีความก้าวหน้าในเรื่องการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆของกรมราชทัณฑ์ครบถ้วนเรียบร้อย ประกอบกับเป็นผู้ที่มีอายุเกินกว่า 70 ปี และมีโรครุมเร้าหลายอย่าง
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังชี้แจงงว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว นายสนธิ น่าจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562 เนื่องจากเป็นผู้มีอายุเกิน 70 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเข้าข่ายจะต้องได้รับการปล่อยตัวไปตามมาตรา 6 (2) (จ) แต่มีการตีความทางกฎหมายว่านายสนธิ กระทำความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ตามบัญชีแนบท้าย จึงเข้าข้อยกเว้นไม่ปล่อยตัว เพียงแค่ลดโทษลงแทน
ต่อมาได้มีนักโทษชายรายหนึ่งยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการอภัยโทษ โดยโต้แย้งว่าตนเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมิใช่สถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่เข้าองค์ประกอบตามที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้าย ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ยื่นเรื่องขอหารือการตีความข้อกฎหมายต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และในวันที่ 3 ก.ย.62 ได้มีการประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา 3 ราย หัวหน้าผู้พิพากษาแผนกคดีค้ามนุษย์ หัวหน้าผู้พิพากษาแผนกคดียาเสพติด ผู้แทนอัยการสูงสุด และ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
ผลปรากฎว่า ยืนยันการตีความทางกฎหมายเป็นคุณกับผู้ร้อง โดยเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องฟังขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับกรณีนายสนธิแล้ว เป็นข้อเท็จจริงในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นนายสนธิจึงเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น
กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจงว่าการปล่อยตัวนายสนธิในครั้งนี้เป็นเรื่องของความคลาดเคลื่อนในการตีความทางกฎหมายโดยแท้ โดยได้มีการหารือกับผู้พิพากษาชั้นผุ้ใหญ่และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือมีใบสั่งจากผู้ใด รวมทั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองแต่อย่างใด