แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านนัดหารือกันเตรียมความพร้อมอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่ไม่มีการชี้แจงแหล่งที่มางบประมาณในวันพรุ่งนี้
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวก่อนประชุมว่า ขณะนี้ได้ปรับลดจำนวนผู้อภิปรายเหลือเพียง 15 คน เนื่องจากต้องการเน้นคุณภาพ ไม่ต้องการเน้นปริมาณ และหากอภิปรายได้ครอบคลุมทุกประเด็นทั้งการซักถามและการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี รวมถึงได้รับความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ประท้วงมากจนเกินไปก็จะทำให้การอภิปรายจบเร็วกว่าเวลาที่กำหนด
ผู้อภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญานตน นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่ไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของงบประมาณนั้นนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ขณะที่ตนเองจะเป็นผู้อภิปรายสรุปปิดท้าย
นายสุทิน กล่าวว่า หาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจะยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาประท้วงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการอภิปรายของฝ่ายค้าน เพราะจะทำให้เสียเวลา หรืออาจจะหาเหตุจนต้องทำให้มีการขอเปิดประชุมลับ หรือหาเหตุมาประท้วงจนทำให้อภิปรายไม่ได้ ซึ่งหากว่ารัฐบาลตีรวนโดยไม่มีเหตุผล การวอล์คเอ้าท์จากห้องประชุมก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่พรรคฝ่ายค้านวางไว้ แต่จะเป็นแนวทางสุดท้าย เพราะฝ่ายค้านต้องการชี้แจงหาทางออกของปัญหานี้ ไม่ใช่จ้องทำลาย หากรัฐบาลชี้แจงได้ก็จะเป็นผลดีกับรัฐบาลเองเพราะประชาชนจับตาดู
อย่างไรก็ตาม รูปแบบการอภิปรายก็จะปรับตามความเหมาะสม โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการถวายสัตย์ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ที่ชี้แจงเท่านั้น ส่วนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ ที่ไม่ชี้แจ้งงบประมาณซึ่งทราบว่าจะมอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นผู้ชี้แจงแทน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถทำได้หากมีรายละเอียดและคำตอบที่ชัดเจน
นายสุทิน กล่าวว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ขอร่วมอภิปรายในประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนของนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งฝ่ายค้านได้แบ่งเวลาให้นายมงคลกิตติ์ 10 นาที นอกจากนี้ยังได้แจ้งข้อห่วงใยในการอภิปรายพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) ต่อที่ประชุมเพื่อวางแนวทางไม่ให้เป็นปัญหาต่อการอภิปราย โดยเฉพาะการขอประชุมลับเพราะสามารถใช้เสียง ส.ส.เพียง 1 ใน 4 หรือคณะรัฐมนตรีขอประชุมลับได้เลย
หรือหากรัฐบาลตั้งแง่ดึงเวลาไม่ลงชื่อเข้าประชุม ก็จะทำให้เวลาเปิดประชุมต้องเลื่อนออกไปจนเหลือเวลาอภิปรายน้อยลง อย่างไรก็ตามได้ขอให้ทุกพรรคกำชับ ส.ส.ให้มาลงชื่อร่วมประชุมก่อนเวลาประชุม เพื่อเป็นการกดดัน ส.ส.พรรครัฐบาลด้วย