นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในประเด็นการถวายสัตย์ปฎิญานฯ ว่า เป็นบรรยากาศที่ดี และเป็นธรรมดาที่ฝ่ายค้านยังคงติดใจที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวด้วยตัวเอง ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำประเด็นนี้ไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ไม่ขอแสดงความเห็น เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำ ให้ฝ่ายค้านไปพิจารณาเอง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลได้ชี้แจงครบถ้วนแล้ว และสมาชิกก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า ไม่ทราบว่าหลังการอภิปรายเสร็จแล้วจะมีการนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าเป็นการอ้างว่าการถวายสัตย์ฯ เป็นเรื่องระหว่างพระมหากษัตริย์กับรัฐบาลเป็นการดึงฟ้าต่ำ
ส่วนกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เตรียมยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบว่านายกรัฐมนตรีปฏิบัติผิดหลักจริยธรรมตาม พ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2562 นั้นว่า ไม่มีปัญหา แต่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ใช้กับข้าราชการ ส่วนนักการเมืองต้องใช้ พ.ร.บ.ประมวลจริยธรรมอีกฉบับที่ร่างขึ้นมาเพื่อใช้กับ ครม., ส.ว., ส.ส. และองค์กรอิสระทั้งหมด
"เมื่อท่านเห็นว่าเป็นช่องทางก็ไม่มีปัญหา อยากจะวงเล็บนิดเดียวว่าถ้ายื่นผ่าน ป.ป.ช.แล้ว ป.ป.ช.เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ใด ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าการถวายสัตย์เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์ องค์กรตามรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ องค์กรใดคือใคร ซึ่งก็คือศาลรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา องค์กรอิสระ ตั้งขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าคิดว่าช่องทางนี้จะไปได้ก็ไม่มีปัญหา รัฐบาลไม่ได้ติดใจอะไร" นายวิษณุ กล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ประจำปี 2563 นายวิษณุ กล่าวว่า ตามขั้นตอนจะมีการเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างงบฯ ดังกล่าวในวาระที่ 1 ระหว่างวันที่ 17-20 ต.ค.นี้ โดยการประชุมในวาระที่ 1 นี้จะมีการพิจารณารายละเอียดแหล่งที่มาของรายได้ เพราะการแถลงนโยบายที่ผ่านมายังไม่สามารถลงรายละเอียดได้มาก เพราะมีเวลาเตรียมการเพียง 15 วันหลังการถวายสัตย์ปฏิญานฯ