นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ให้พรรคกู้เงิน 191 ล้านบาทว่า ไม่ขอตอบว่าทำได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพูดอะไรจะกลายเป็นการชี้นำ เพราะ กกต.ต้องสืบพยานให้ชัดเจน ไม่ใช่การตัดสินโดยใช้ดุลยพินิจ เพราะหากเป็นดุลยพินิจจะชี้ซ้ายหรือขวาก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง เรื่องนี้มันอาจจะไม่ผิดก็ได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะกฎหมายเดิมไม่ได้เขียนเรื่องการเงินของพรรคการเมืองไว้อย่างรัดกุมเท่ากับปัจจุบัน และยังไม่ทราบว่าการกู้เงินจะถือเป็นรายได้ของพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่ง กกต.คงกำลังพิจารณาประเด็นนี้อยู่ และทางกฎหมายกับทางบัญชีกำหนดเรื่องเงินกู้ต่างกัน แต่หากผลออกมาแล้วไม่เชื่อก็คงต้องไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อสร้างมาตรฐานในเรื่องดังกล่าว
ส่วนกรณีเรื่องรายได้พรรคการเมืองที่กำหนดไว้ในมาตรา 62 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้ระบุเรื่องกู้ยืมเอาไว้ในทางกฎหมายจะต้องยกประโยชน์ให้จำเลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นไปได้ทุกทาง หากกฎหมายไม่เขียนไว้แล้วเป็นผลร้ายก็ต้องยกประโยชน์ แต่หากไม่ได้เขียนไว้หรือไม่สามารถเทียบเคียงได้ก็ต้องวินิจฉัย
อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ ยอมรับว่า โทษถึงขั้นยุบพรรคถือเป็นผลร้ายแรง
สำหรับกรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีมูลค่าเกินจริงนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า มูลค่าทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นบางครั้งก็เป็นไปตามแล้วแต่ใจคนจะกำหนด และขึ้นอยู่กับว่าเป็นของจริงหรือไม่จริง ถ้าของไม่จริง แล้วไปตีราคาสูงเกินไปก็คงไม่ได้ แต่ถ้าของจริงจะตีราคาสูงเกินไปหรือไม่นั้น คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาประเมินซึ่งก็เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าจะเชื่ออย่างไร
พร้อมกับปฏิเสธแสดงความเห็นว่า หากการตั้งราคาที่เกินจริงจะเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือไม่
ส่วนหากผลออกมาปรากฎว่า เกินจริงและชี้แจงทรัพย์สินเป็นเท็จ จะมีผลอะไรตามมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตามกฎหมายป.ป.ช.ก็มีอยู่แล้ว ถ้าแจ้งเท็จก็ถือว่ามีความผิด