ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่ม นปช. ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของอาคารพาณิชย์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน ซึ่งถูกเพลิงไหม้หลังเหตุสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เป็นเงินกว่า 21 ล้านบาท
คดีนี้มีนายประสงค์ กังวาฬวัฒนา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บมจ.บางกอกสหประกันภัย (BUI), นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, กระทรวงมหาดไทย, นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย, กระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และอดีต รมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-10 กรณีเจ้าหน้าที่รัฐได้สลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ต่อมาเกิดเหตุการณ์เผาอาคารในหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
โดยศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษา พร้อมทรัพย์สินที่โจทก์เสียหายจำนวน 21,356,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พ.ค.53 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับค่าขาดผลประโยชน์ 1,200,000 บาท เดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (18 พ.ค.54) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษา พร้อมทรัพย์สินที่โจทก์เสียหายเสร็จแก่โจทก์ แต่ให้เสียค่าเสียหายได้ไม่เกิน 24 เดือน พร้อมทั้งให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนทรัพย์สินโจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 100,000 บาท
ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 8-10 ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม นปช.ร่วมกันชำระเงินจำนวน 30,509,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พ.ค.53 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 638,710 บาทให้แก่โจทก์ และร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 50,000 บาท