นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยมองว่า การจัดทำงบประมาณไม่เหมาะสมใน 4 ด้าน คือ 1.ไม่มีวินัยการเงินการคลัง เพราะตั้งแต่ปี 2557 พบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ รวมกว่า 2.9 แสนล้านล้านบาท ส่วนที่นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ระบุว่าจะจัดงบประมาณแบบสมดุลในปี 73 นั้น เชื่อว่าไม่สามารถทำได้
2.ในร่างงบประมาณฯไม่มีรายละเอียด และจัดงบประมาณเลื่อนลอย โดยมีลักษณะตั้งงบประมาณเกรงใจทหาร ยกตัวอย่างงบประมาณโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ 1.6 หมื่นล้านบาท ไม่มีการแจกแจกรายละเอียดของโครงการแต่อย่างใด
3.งบประมาณที่จัดทำขึ้นทำไม่ได้จริง โดยเฉพาะงบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) 1.2 แสนล้านบาท ที่เน้นผลสัมฤทธิ์ในการลดปัญหาอาชญากรรรม และบังคับใช้กฎหมายรวมถึงอำนวยความยุติธรรมให้สังคม รวมถึงสร้างหลักประกันความปลอดภัย ไม่เชื่อว่าทำได้จริง โดยได้นำหลักฐานมีการเปิดบ่อนการพนันในย่านสีลม บริเวณถนนธนิยะ จึงขอฝากให้นายกรัฐมนตรีช่วยจัดการในฐานะที่ดูแลสตช.
และ 4. ไม่ทำตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา นโยบายข้อที่ 8 คือ แก้ปัญหาทุจริตในวงราชการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ด้านทิศเหนือจากหมอชิตไปคูคต และทิศใต้ จากแบริ่งไปบางปู สมุทรปราการ ที่ล่าสุดกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาฯ ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใส แต่คณะกรรมการของกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณา และเตรียมเสนอให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อส่งต่อให้นายกฯ ลงนาม
นอกจากนั้น นายยุทธพงษ์ กล่าวว่า ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องต่อสัญญาสัมปทานให้ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ต่อไปอีก 40 ปี และขอเรียกร้องว่าอย่าใช้ข้ออ้างว่าเป็นหนี้ เพราะหากเป็นหนี้จริงต้องตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า ยังไม่พบการทุจริตเกิดขึ้น ถ้ามีการโกงก็ต้องติดคุก เรื่องนี้ปิดปังสังคมไม่ได้
"ผมทราบว่า กมธ.ฯสภาไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่หากผิดหรือถูก ต้องรับผิดชอบ แต่ต้องแก้ปัญหา ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ทำเอง หรือ ให้บริษัทไหนทำได้หมด แต่ต้องตอบได้ว่าทำไมต้องให้บริษัทนี้ การที่จะมาพูดว่าทุจริต ผมเรียนว่า มันไม่ใช่ โดยสรุปเรื่องบีทีเอสไม่เกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณในวาระนี้เลย เพราะไม่มีการตั้งงบประมาณมาให้ท่านพิจารณาเลยในขณะนี้" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ชี้แจงในประเด็นการทุจริตในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลาย 10 ปี ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือดำเนินการแล้วมีปัญหา เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ในช่วงระยะทาง 1 กม. ซึ่งเป็นเรื่องการจัดทำแผนงานและงบประมาณ แต่เมื่อตนเองเข้ามาก็พยายามเร่งรัดดำเนินการ จนกระทั่งแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ พร้อมกับเร่งรัดพัฒนารถไฟฟ้าอีกหลายสาย เพราะเป็นความต้องการของประชาชน
พร้อมระบุว่า การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่มีการระบุว่า จะต้องจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นายกรัฐมนตรียืนยันว่า สามารถปรับเปลี่ยนโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ 6 ได้ ได้ทุกๆ 5 ปี ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งทั้ง 6 ด้าน ถือว่าคลอบคลุมสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงการกู้เงินเพื่อชดเชยการจัดทำงบประมาณขาดดุลว่า เป็นการจัดทำเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ แต่หากในอนาคตสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าก็เท่ากับการกู้ยืมเงินได้ลดดลง และย้ำว่า รัฐบาลคำนึงถึงขีดความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ และจะดำเนินการเท่าที่มีความจำเป็น ดังนั้นในอนาคตภาครัฐก็จะคำนึงถึงการจัดเก็บภาษีให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึง งบประมาณเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและเรื่องของ e-Commerce ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการค้าปลีกที่ลดลง ซึ่งรัฐบาลพยายามหาแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการค้าขายเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า หากจัดสรรงบประมาณที่หน่วยงานอื่นๆขอมา จะเห็นว่าตัวเลขงบใช้จ่ายสูงมาก แต่รัฐบาลใช้กลไกลการกลั่นกรองอย่างละเอียด เพื่อให้การจัดทำงบประมาณเป็นไปอย่างเหมาะสม มีการเฉลี่ยกระจายไปยังทุกพื้นที่อย่างเป็นธรรม และยืนยันว่า การใช้จ่ายงบกลางไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่าย เพราะได้กำชับว่า จะต้องมีรายละเอียดความชัดเจนในการขอใช้งบประมาณ และผ่านการพิจารณาของ ครม. อย่างละเอียดรอบคอบที่สุด
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้สมาชิก เชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะรับฟังข้อคิดเห็นทั้งหมดที่ ส.ส.เสนอมา เพื่อนำไปใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ