นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรอบเวลาคร่าวๆ ที่เหมาะสมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คือ วันที่ 18-20 ธ.ค.62 โดยการอภิปรายครั้งนี้มาตรฐานอาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะที่ผ่านมาจะเน้นเรื่องการทุจริตเป็นหลัก แต่ในครั้งนี้จะมองไปถึงความผิดพลาด ความสามารถในการบริหารประเทศที่ทำลายเครดิตของประเทศให้ตกต่ำ โดยยึดฐานความผิดมาจากระยะเวลา 5 ปี ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศที่ส่งผลต่อปัจจุบันและเป็นความกังวลไปสู่อนาคต
สำหรับการอภิปรายจะผสมผสานกันไป ทั้งรัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากคนเก่าสร้างความผิดและคนใหม่มาต่อยอดความผิด ดังนั้นต้องอภิปรายควบคู่กันไป แต่จะแตกต่างที่ประเด็นความผิด แต่อย่างไรก็ตามต้องมีหลักฐานแน่นอน เพราะถ้าไม่มีคงไม่กล้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
"หลักฐานที่มีจะเป็นการผลักให้ให้หัวคะมำ ซึ่งหากหลักฐานเราดี ก็เป็นไปได้ที่พรรคฟากรัฐบาลจะยกมือสนับสนุนเรา...โดยเจตนาเราไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ถ้าเขาชี้แจงไม่ได้ แล้วทำความผิดจริง เขาจะล้มด้วยตัวของเขาเอง"นายสุทินระบุ
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยหลังจากที่ปิดสภาฯ ได้มีการเก็บข้อมูลและรวบรวมหลักฐาน โดย 7 พรรคได้รวบรวมเอาความหนักแน่นของข้อมูลมาประมวล และประเมินก่อนที่ 7 พรรคจะมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่จะยื่นเมื่อไร จะเป็นรายคน หรือรายกระทรวง รวมถึงมีรายละเอียดอย่างไรนั้น จะประชุมกันอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุป
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากวางกรอบที่จะอภิปรายในวันที่ 18-20 ธ.ค.แล้ว จะต้องทำญัตติให้เสร็จในสิ้นเดือนพ.ย. เพื่อยื่นให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ โดยอย่างช้าที่สุดจะต้องไม่เกินวันที่ 6 ธ.ค.62 ที่จะต้องยื่นญัตติให้กับประธานสภาฯ