พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี ก่อนจะทั้งประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในวันที่ 12 พ.ย. โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจภูมิประเทศ เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงการทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 (จุดเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ-ภาคใต้ และภาคตะวันออก-ภาคตะวันตก) บริเวณสามแยกวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนที่รอต้อนรับที่โรงยิมเนเซียม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนทุกคนทั่วประเทศอย่างทั่วถึงภายใต้ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ โดยจะพิจารณาจัดสรรไปตามลำดับความสำคัญ
"งบประมาณมีจำกัด แต่รัฐบาลจะดูแลทุกพื้นที่ ทุกคนต้องได้รับประโยชน์ เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งทุกรัฐบาลต้องดูแลทุกคนไม่ว่าจะมาจากพรรคใด ต้องจัดลำดับความสำคัญมากหรือน้อยไปตามความจำเป็น การจัดสรรงบจะมีความเชื่อมโยงกันเหมือนเส้นเลือด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น การปลูกไม้มีค่าป่าชุมชน 58 ชนิด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่เกษตร และเป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลาน ซึ่งปัจจุบันมีป่าชุมชนแล้ว 2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องช่วยกันดูแลจำกัดผักตบชวาไม่ให้ขยายพันธุ์เต็มลำน้ำจนทำให้เกิดปัญหาการระบายน้ำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า บางพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการทำนาก็อาจปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ตลาดต้องการทดแทนการปลูกข้าว เช่น ถั่วเหลือง ซึ่งยังมีปริมาณไม่เพียงพอ และต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรให้ต้นทุนถูกลง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ชุมชนเก่าสามารถนำเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจมานำเสนอให้นักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการของรัฐบาล เช่น ชิมช้อปใช้ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายเพื่อให้ผู้ผลิตขายของได้ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครตามที่มีการกล่าวหา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, เอสเอ็มอี ที่ยังต้องทำต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยรัฐบาลจะร่วมมือกับ ส.ส.ให้ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ และขอกำลังใจจากทุกคน รวมถึงขอความร่วมมือกันต่อสู้เพื่อประเทศชาติด้วย