นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เสนอ 2 แนวทางการพัฒนาประเทศเพื่อให้เดินหน้าต่อไปในภาวะที่การลงทุนภาคเอกชนไม่เกิดขึ้น การส่งออกไม่สดใส และการบริโภคภายในซบเซา เนื่องจากตัวเลขการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.ล่าสุดลดลงต่ำกว่า 65% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และที่สำคัญอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเร็วอย่างน่ากลัว
จากตัวเลขดังกล่าวทำให้ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาว่ามีบริษัทปิดตัวลงจำนวนมาก และจะไม่เห็นการลงทุนภาคเอกชนขนาดใหญ่ หรือการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานในอนาคตอันใกล้นี้เลย การลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้จะเป็นการลงทุนเพื่อทดแทนเครื่องจักรที่หมดอายุ ไม่ใช่เพิ่มกำลังการผลิต
นายธนาธร ระบุว่า แนวทางแรก แนะให้ใช้โอกาสนี้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่พึ่งพาและก่อสร้างเทคโนโลยีของตนเอง เนื่องจากการสร้างอุตสาหกรรมใหม่จะต้องสามารถแก้ปัญหาสังคม, ทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น, สร้างเทคโนโลยีของตนเอง, สร้างการจ้างงาน และลดความเหลื่อมล้ำ สามารถทำได้พร้อมกัน เช่น การผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมสีเขียว, อุตสาหกรรมการจัดการขยะ, อุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า, อุตสาหกรรมรถไฟ หรืออุตสาหกรรมเกษตรก้าวหน้า เป็นต้น
"เราไม่สามารถพึ่งพาห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) เดิมได้อีกต่อไป ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกำลังการผลิตที่ล้นเกิน ทั้งสองอุตสาหกรรมไม่สามารถพาเราไปได้ไกลกว่านี้ แต่เราจะชักจูงและรอการลงทุนจากต่างชาติโดยไม่พัฒนาเทคโนโลยีของเราเองไม่ได้เช่นกัน เรามีเงินทุน มีสภาพคล่องล้นตลาดเงิน มีศักยภาพของคน และมีความต้องการในประเทศเพียงพอที่จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่จากห่วงโซ่อุปทานและบุคคลากรที่มีอยู่ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะสร้างไทยที่ทัดเทียมกับโลก และก้าวสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้"
ส่วนแนวทางที่สอง เราต้องเริ่มคิดถึงการลงทุนขนาดเล็กที่ใหญ่และทะเยอทะยาน ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญเมกะโปรเจ็คต์ (Megaproject) เช่น สนามบินใหม่, ท่าเรือสำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่, รถไฟความเร็วสูง หรือมอเตอร์เวย์ มานานจนหลงลืมไปว่ายังมีการลงทุนขนาดเล็กที่ตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่จำเป็นอีกมาก เช่น โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วย, โรงเรียนที่ดีกว่าสำหรับเยาวชน, ระบบชลประทานที่ดีสำหรับเกษตรกร, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น เป็นต้น
"มันคงไม่ใช่เมกะโปรเจ็คต์สำหรับคนเมือง แต่เป็นการลงทุนเพื่อคนทุกคน เช่น โรงเรียนละ 2 ล้าน สำหรับโรงเรียนขนาดกลางและเล็กทั่วประเทศ จะใช้เงิน 6 หมื่นล้านบาท, สวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่มีคุณภาพทุกตำบล, งบลงทุนหลักแสนล้านเพื่อจัดการน้ำให้เพียงพอทุกสำหรับครัวเรือน, ทุกแปลงเกษตร และทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น...นี่คือการลงทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นี่คือการสร้างพื้นฐานบริการภาครัฐที่มีคุณภาพ ที่จะอนุญาตให้คนในสังคมใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและเปี่ยมไปด้วยความหมาย"
นายธนาธร ยังระบุอีกว่า แต่ถ้าจะทำได้ทั้งหมดนั้นต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้เสียก่อน