พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "9 ข้อควรรู้"ก่อนฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีการถือหุ้นวี-ลัคของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในเวลา 14.00 น.วันนี้
เนื้อหาระบุว่า 1.หากนับระยะเวลาตั้งแต่ขั้นตอนรับเรื่องร้องเรียนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปจนถึงวันที่ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น กระบวนการทั้งหมดของกรณีคุณสมบัติของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ใช้เวลา 417 วัน ส่วนของนายธนาธร ใช้เวลา 53 วัน
2. ในบรรดา ส.ส.และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดที่ถูกร้อง ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร หรือ ส.ส.ทั้งฝั่งรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือรัฐมนตรีรวมแล้วอีกหลายสิบคน มีเพียงนายธนาธรคนเดียวเท่านั้นที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
3. กกต.ยังไม่ได้สอบปากคำพยานที่ลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นแม้แต่ปากเดียว ขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.) กำหนดบทสันนิษฐานให้ข้อความในตราสารและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นถือว่าถูกต้องเป็นจริง แต่ กกต.ไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อหักล้างบทสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าว การสอบสวนไต่สวนในชั้น กกต.ยังไม่แล้วเสร็จ แต่กลับเร่งยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
4. นายธนาธรได้โอนหุ้นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.62 ก่อนการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งฯ และจนบัดนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาหักล้างบทสันนิษฐานความถูกต้องแท้จริงแห่งการโอนหุ้นดังกล่าวได้เลย
5. ในคดีนายดอนได้มีการส่งหลักฐานบางชิ้นหลังการสืบพยานในศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญเรียกสอบพยานของดอนเพียง 3 ปาก และศาลเชื่อว่ามีการโอนหุ้นจริง ส่วนนายธนาธรถูกเรียกไต่สวนทั้งหมด 10 ปาก
6. บริษัท วี-ลัค มิได้ประกอบกิจการเป็น"สื่อมวลชน" หากแต่เป็นกิจการรับจ้างตีพิมพ์เท่านั้น อาทิ รับจ้างตีพิมพ์นิตยสารที่แจกบนเครื่องบิน และวีลัคยังไม่มีอำนาจควบคุมเนื้อหา หรือแม้แต่ตีพิมพ์นิตยสารโดยพลการ เพราะเป็นอำนาจของผู้ว่าจ้าง
7. บริษัท วี-ลัค แจ้งหยุดกิจการต่อสำนักงานประกันสังคมแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.62 บริษัทไม่มีผลิตภัณฑ์ สินค้า และพนักงาน ตั้งแต่ก่อนธนาธรสมัคร ส.ส.ในวันที่ 6 ก.พ.62
8. เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือต้องการไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอิทธิพลอำนาจหรือควบคุมสื่อมวลชนเพื่อนำไปเป็นคุณต่อตนเองและเป็นโทษต่อคู่แข่งทางการเมือง คำถามที่น่าสนใจคือ กระบวนการทั้งหมดที่พยายามเอาผิดกับธนาธรนั้นตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้วหรือไม่
9. ในขณะที่ธนาธร และ ส.ส.อีกหลายสิบคนกำลังร้อนๆ หนาวๆ ว่าบริษัทของตนเองที่แม้ไม่ได้ทำสื่อจริง แต่มีเขียนระบุไว้ในบริคณห์สนธิว่าประกอบกิจการสื่อด้วยนั้นจะมีความผิดหรือไม่ แต่มี ส.ส.หนึ่งคนที่ไม่ได้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าทุกคนรู้ดีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้สื่อมวลชนเครือหนึ่งเป็นคุณแก่พรรคพวกตนเองและเป็นโทษต่อคู่แข่งทางการเมือง