นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นเป็นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ไต่สวน ตรวจสอบ และวินิจฉัยการกระทำหรือการให้สัมภาษณ์ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่าเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
สืบเนื่องจากวานนี้ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลงจากกรณีถือครองหุ้นสื่อขณะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แต่ปรากฏว่านายธนาธรได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนบริเวณที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ ในลักษณะตำหนิศาล
ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว อาจถือได้ว่าเป็นการก้าวล่วงการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ อันอาจขัดต่อ ม.38 ม.39 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ประกอบ ข้อ 10 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของศาลหรือวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของศาลโดยไม่สุจริตหรือใช้ถ้อยคำหรือมีความหมายหยาบคาย เสียดสี ปลุกปั่น ยุยง หรืออาฆาตมาดร้าย
หากฝ่าฝืนถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 39 วรรคหนึ่ง(3)
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเกิดความเสียหายก็สามารถตั้งเรื่องดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาลได้ ซึ่งมีข้อกฎหมายกำหนดไว้
ส่วนผลจากคดีนายธนาธรถือหุ้นสื่อจะเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ หรือไม่นั้น ทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ระบุว่าจะนำรายละเอียดของคำวินิจฉัยมาพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทราบว่ายังมีคดีของนายธนาธรเหลืออยู่อีก 24 คดี
"เห็นเลขาฯ กกต.ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังดูอยู่ คงต้องรอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนบุคคลมาดูจะได้เห็นว่ามีอะไรหรือเปล่า เพราะตามมาตรา 151 ของกฎหมายเลือกตั้ง ใครเปิดอ่านดูก็จะเห็นว่า หากรู้ว่าขาดคุณสมบัติและจงใจจะมีความผิด จึงอยู่ที่ว่ารู้หรือไม่ จงใจหรือไม่ ไม่ใช่ว่าศาลตัดสินแล้วย้อนไปเอาเรื่องได้ทุกเรื่อง ต้องย้อนไปดูตอนสมัคร"นายวิษณุ กล่าว