นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้เชิญนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 191 ล้านบาท จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
โดยนายแสวง ได้ให้ข้อมูลเป็นหลักการทั่วไปว่า รายได้ของพรรคการเมืองจะมีที่มาอย่างไรบ้าง ซึ่งบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดในคดี เนื่องจากยังอยู่ในการพิจารณาของกกต.
นายเสรีกล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ของกมธ.สามารถดำเนินการได้ เพราะการใช้เงินของพรรคการเมือง จะมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาและปฏิรูปการเมืองในอนาคต
"คดีนี้ในความเห็นส่วนตัว เห็นว่าการกู้เงินของพรรคการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะมาตรา 62 ของพ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้พรรคการเมืองมีรายได้ 7 ทาง โดยไม่ได้ระบุการได้มาซึ่งรายได้ของพรรคการเมืองผ่านทางการกู้เงิน อีกทั้งถ้าให้กู้เงินได้ จะทำให้นายทุนเข้ามาครอบงำพรรค ประชาชนจะไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองกับพรรคการเมืองได้ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับนายทุนในฐานะเจ้าหนี้พรรคการเมือง และจะก่อให้เกิดอำนาจต่อรองให้นายทุนเข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองได้" นายเสรีระบุ
ส่วนกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายเสรี ยืนยันว่า ส.ว.จะไม่เข้าไปมีสวนร่วมในกมธ.ของสภา โดยจะให้เป็นหน้าที่ของ ส.ส. เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่การทำงานของส.ว.
"ไม่ใช่ ส.ว.ไม่ให้ความร่วมมือ แต่ส.ว.มีภาระหน้าที่บทบาทว่าควร หรือไม่ควรทำอะไร อีกทั้ง กมธ.วิสามัญฯดังกล่าวเป็นเพียงการทำหน้าที่ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นตอนการแก้ไขแต่อย่างใด" นายเสรีกล่าว
ส่วนที่ระบุว่าจะมีอดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาเป็นกมธ.ด้วยนั้น ส่วนตัวเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะ กรธ.เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ แต่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้งกันเอง