นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมกรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าวตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีมี ส.ส.ของพรรค 3 คน ร่วมประชุมเพื่อให้ครบองค์ประชุม ในการลงมติเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง กรณี ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 คนได้เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 63 (7) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะ โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานกรรมการ, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล กรรมการ และนายวัฒนา เตียงกูล เลขานุการ โดยใช้เวลา 7-10 วัน
โดยให้ตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ ส.ส.ของพรรค ได้เข้าร่วมประชุมในวาระพิจารณาญัตติข้างต้น เชิญ ส.ส.ของพรรคที่เกี่ยวข้องและที่มีข้อมูลมาให้ข้อเท็จจริง หรือส่งมอบเอกสารหลักฐาน และสรุปข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะเสนอหัวหน้าพรรคเพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์งูเห่าที่เกิดขึ้นในพรรคการเมืองหลายพรรค ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการที่ไม่มีกติกา ขาดวินัย ไร้จิตสำนึก มุ่งแต่แสวงประโยชน์ฝ่ายตนให้เกิดขึ้นภายใต้กลไกอำนาจนอกระบบ เป็นการลุแก่อำนาจ คุกคามด้วยอามิสสินจ้าง ทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะ เพราะขลาดกลัวการถูกตรวจสอบ จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่การรัฐประหารล่วงเลยมาถึงวันนี้ สังคมไทยมีบาดแผลและมีมลทินมากมาย
"ผลที่เห็นประจักษ์ชัด คือการเมืองไทยที่เคยก้าวหน้า เป็นการเมืองเชิงนโยบาย ยึดถือการรักษาพันธะ สัญญาที่จะตอบสนองความต้องการเชิงนโยบายให้แก่พี่น้องประชาชน กลับต้องถอยหลังย้อนอดีตไปเกือบ 40 ปี เป็น "Money Politic" ที่ใช้อำนาจอธรรมและเงินเป็นเครื่องมือ ทำให้ระบบรัฐสภาถอยหลัง ประชาชนหมดความไว้วางใจ บั่นทอนระบอบรัฐสภาให้เป็นสภาพแวดล้อมที่ขาดไร้จริยธรรม สร้างเงื่อนไขให้ผู้คนเห็นความเสื่อม จนอาจเกิดความชาด้านและปฏิเสธระบบรัฐสภาในที่สุด"
พรรคเพื่อไทย เห็นว่า ความเสื่อมทรุดทั้งปวง เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความหวาดกลัวการถูกตรวจสอบ การใช้อำนาจเงินหว่านล้อมให้ ส.ส.งูเห่า ยอมจำนน ในด้านหนึ่งแม้จะสะท้อนภาพของการขาดจริยธรรมของ ส.ส. แต่เบื้องหลังคืออำนาจและกลไกการควบคุมที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันให้พรรคพวกของตนสามารถสืบทอดอำนาจของพวกตนเองได้ตลอดไป
"พรรคเพื่อไทยเห็นว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสัญญาณเตือนว่าจะยังไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และจะยิ่งเกิดขึ้นอีกต่อเนื่อง ด้วยเสียงที่ปริ่มน้ำของรัฐบาล พวกเขาจะกระทำทุกวิถีทางในการปกป้องประโยชน์พวกพ้องตน มากกว่าประโยชน์ของประชาชน อันเป็นการทำลายระบบการเมืองที่มีหลักการของประเทศต่อไปอย่างไม่มีจุดจบ หนทางสำคัญเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลและกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบันต้องยินยอมและเร่งรัดให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมในสังคม เพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญเสียใหม่ ให้ตอบสนองความต้องการอันแท้จริงของประเทศ และความต้องการของประชาชน และต้องมุ่งสร้างความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้นโดยเร็ว"
นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า วาระต่อไป คือ การนำวาระการพิจารณาเรื่องการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่สภาเพื่อหาทางออกจากวิกฤตของประเทศ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการ ดังนี้ 1.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ส.ส. ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากพบว่ามีการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคในสถานหนัก
2.จะเสนอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบของการใช้มาตรา 44 โดยทำหน้าที่รวบรวมความคิดเห็นและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว โดยให้ประชาชนในสังคมร่วมเสนอความคิดเห็น และแถลงให้พี่น้องประชาชนทราบโดยเร็วที่สุด
"พรรคจึงขอเชิญชวนประชาชนให้จับตามองว่า รัฐบาลจะจริงจังและจริงใจในการเปิดหนทางให้มีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ลุล่วงหรือไม่ และพวกเขาจะใช้อำนาจอธรรมรูปแบบใด มาขัดขวางเจตนารมณ์แท้จริงของประชาธิปไตยอีก ประชาชนต้องไม่อยู่นิ่งเฉย ต้องร่วมกันจับตามองการใช้อำนาจอธรรมที่บ่อนทำลายระบบรัฐสภาและจริยธรรมทางการเมือง เพื่อศักดิ์ศรีของประเทศอย่างจริงจัง"