นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นไปด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาอย่างที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ทุกคนก็ช่วยกันทำงานขยันขันแข็งและบรรยากาศการทำงานเป็นไปด้วยดี รัฐมนตรีทุกคนรายงานความคืบหน้าของการทำงานให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบโดยตลอด
"เรื่องการเมือง การปรับเปลี่ยนจะเกิดขึ้นเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ข่าวสารเกี่ยวกับความระหองระแหงใน ครม. มาจากการคาดเดาของคนที่อยู่นอกห้องประชุม ส่วนคนที่อยู่ในห้อง ไม่มีใครกังวล รัฐมนตรีทุกท่านรายงานผลงานให้ที่ประชุมทราบ ขณะที่ท่านนายกฯ ก็ขอบคุณที่ช่วยงานกัน สำหรับปัญหาเล็กๆน้อยๆ ตนไม่นำมาคิด เพราะเรามีเป้าหมายร่วมกัน ถ้าวางเป้าจะเดินไปที่จุดนี้ แล้วมัวแต่เถียงกับแมลงที่มาบินวนรอบตัว คงไปไม่ถึงไหน"
นายอนุทิน ยังปฏิเสธกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลต่างคนต่างทำงานขาดการบูรณาการ โดยระบุว่าการที่พลเอกประยุทธ์ มานั่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือการบูรณาการการทำงานของแต่ละพรรค เนื่องจากความเป็นรัฐบาลผสม จำเป็นต้องมีบุคคลที่ได้รับฉันทามติในการพูดคุยกับทุกฝ่าย ในที่นี้คือนายกรัฐมนตรีที่มีบทบาทประสานการทำงานเข้าด้วยกัน รัฐบาลชุดนี้ไม่มีบู๊แหลกแน่นอน เพราะนายกรัฐมนตรีพร้อมห้ามทัพเสมอ
ขอยกตัวอย่างที่เรื่องการเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ทันทีที่พลเอกประยุทธ์ มอบหมายให้ตนเองไปจัดการ หลังจากนั้นหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง ได้มาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ จนสำเร็จ นี่คือตัวอย่างของการบูรณาการ
สำหรับงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นภารกิจที่หนักที่สุดของรัฐบาล เพราะเรื่องการเมืองเชื่อว่าไปได้สบาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ตนและคณะรัฐมนตรีเข้ามาด้วยการเลือกตั้ง และอยู่ภายใต้รัฐบาลธรรมนูญฉบับใหม่ การเข้ามาทำงานอยู่ในช่วงปลายปีงบประมาณแล้ว ส่วนงบประมาณของปี 63 อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาที่จะกลั่นกรองให้เรียบร้อย แต่เชื่อว่านับตั้งแต่เดือน ม.ค.63 เศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้น
นายอนุทิน กล่าวว่า การที่รัฐบาลเข้ามาในช่วงปลายปีงบประมาณย่อมส่งผลกระทบกับการเบิกจ่าย อาทิ กระทรวงคมนาคม ถึงวันนี้ยังไม่สามารถประมูลงานได้เต็มที่ เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุข ก็ประสบปัญหาอย่างเดียวกัน ดังนั้น ขอให้ประชาชนใจเย็น เมื่องบประมาณก้อนใหม่มาจะเกิดการหมุนเวียนในระบบ เมื่อนั้นเศรษฐกิจจะฟื้นตัวตามลำดับ
ขณะที่เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับผลงาน หากทำงานดี ไม่มีเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ต่อให้มีมวลชนมาชุมนุม ก็เชื่อว่าเป็นการชุมนุมบนเงื่อนไขที่ยังไม่สุกงอม แต่ถ้ามีข่าวโกงแล้วประชาชนมาชุมนุม เชื่อว่ายิ่งชุมนุมยิ่งมีแต่คนส่งเสริม หากรัฐบาลโกงถึงจะมีเสียงในสภามากขนาดไหนก็คงช่วยไม่ได้