แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรียกร้องทางการไทยยุติการกลั่นแกล้งทางกฎหมายต่อฝั่งตรงข้ามทางการเมือง นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรม หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีกับสมาชิกพรรคอนาคตใหม่และนักกิจกรรม เนื่องมาจากการชุมนุมสาธาณะโดยสันติ โดยเฉพาะเหตุการณ์แฟลชม็อบในช่วงเย็นวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่มีขึ้นในกทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น และอีกหลายจังหวัดทางภาคเหนือและภาคอีสาน สืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการกรเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อแกนนำพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค กรณีการตัวชุมนุมกันอย่างผิดกฎหมาย และละเมิด พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯ ด้วยการใช้เครื่องเสียง
นอกจากนั้น นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ใช้สิทธิในฐานะประชาชนแจ้งข้อหาต่อหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พร้อมกับแกนนำพรรค ว่าการชุมนุมนั้นอยุ่ในรัศมี 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน กีดขวางการจราจร ยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ในส่วนของการชุมนุมที่เชียงใหม่ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการแจ้งข้อหาว่าไม่รายงานการชุมนุมล่วงหน้า โดยอาจจะถูกปรับเงินสูงสุด 10,000 บาท
แอมเนสตี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทางการหยุดการใช้ พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯ มาจำกัดสิทธิในการรวมตัวชุมนุมอย่างเกินความเหมาะสม รวมทั้งหยุดการใช้กฎหมายมาตรา 116 ว่าด้วยเรื่องยุยงปลุกปั่น มาใช้ขัดขวางการแสดงออกของนักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชน และนักกฎหมาย และ เรียกร้องให้ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไทยได้ลงนามและให้สัตยาบันไว้ว่าภาครัฐต้องเคารพ ปกป้อง ยกระดับ และส่งเสริมสิทธิในการแสดงออก และสิทธิในการรวมตัวชุมนุมและรวมกันเป็นสมาคมกันอย่างสันติ