ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษายืนตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ) ของนายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 เนื่องจากกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีหาเสียงเลือกตั้งด้วยการหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองจริง โดยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายชาติชายเป็นเวลา 10 ปีด้วย
รายงานข่าว เปิดเผยว่า คำร้องของ กกต.ระบุพฤติการณ์ของนายชาติชายที่เป็นเหตุให้ต้องมีมติส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครและสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 138 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 159 ว่า จากพยานหลักฐานพบว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค.62 เวลา 10.18 น. นายชาติชาย ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่บริเวณตลาดวังพง ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี มีถ้อยคำว่า "ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัวแล้ว ย้ายพรรคไปแล้ว"
ทั้งนี้ ผู้ร้องที่ยื่นคำร้องเรื่องดังกล่าวต่อ กกต.ยืนยันว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ย้ายมาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) การปราศรัยหาเสียงดังกล่าวของนายชาติชายจึงหมายถึงผู้ร้องซึ่งอดีตเคยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ถ้อยคำดังกล่าวจึงทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจย้ายพรรคเพราะถูกซื้อตัว ละทิ้งอุดมการณ์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม และจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย
อย่างไรก็ตามถึงแม้คดีนี้จะไม่มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ทางสำนักงาน กกต.กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาว่าความผิดกรณีดังกล่าว จะถือว่าเป็นเหตุทุจริตเลือกตั้งที่ทำให้ต้องมีการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อใหม่ ตามมาตรา 131 วรรค 2 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งอาจส่งผลถึงความเปลี่ยนแปลง ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่จะถูกหักคะแนนของนายชาติชายที่ได้ออกไปจากคะแนนรวมของพรรค