นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาการกดบัตรลงคะแนนแทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า ขณะนี้พบว่าเกิดขึ้นใน 3 กรณี คือ 1.มี ส.ส.บางคนเสียบบัตรค้างไว้ และมีคนมากดลงมติแทน 2.มีส.ส.บางคนเบิกบัตรสำรองไปให้คนอื่นมาเสียบบัตรลงมติแทน ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้เข้าร่วมการประชุม และ 3.มีการเสียบบัตรแทน เนื่องจากเครื่องลงคะแนนไม่เพียงพอ ซึ่งกรณีนี้เกิดจากปัจจุบัน ส.ส.ใช้ห้องประชุมของ ส.ว.จึงทำให้เครื่องลงคะแนนของสมาชิกมีเพียง 318 เครื่อง ไม่ถึง 498 เครื่อง ตามจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน หรือเท่ากับว่าขาดไป 180 เครื่อง ดังนั้นจึงทำให้ ส.ส.ต้องใช้เครื่องในการลงคะแนนร่วมกัน
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ก่อนหน้านี้รัฐสภาแห่งใหม่ถูกออกแบบสำหรับแก้ไขปัญหาการกดบัตรลงคะแนนแทนกัน โดยตั้งใจจะใช้เครื่องลงคะแนนแบบสแกนลายนิ้วมือ แทนวิธีการเสียบบัตรแบบเดิม
แต่ปรากฏว่าในปี 2560 - 2561 เมื่อถึงเวลาต้องตั้งงบประมาณสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว รัฐบาลกลับตัดลดงบประมาณจากที่เสนอขอไป 8,000 ล้านบาท เหลือเพียง 3,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องดังกล่าว ประกอบกับมีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปร้องเรียนถึงการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าว จึงทำให้สภาฯ ต้องตัดงบประมาณส่วนนี้ออกไป