นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยพรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้ายื่นญัตติต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 คนในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับ 6 รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัติติขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายดอน ปรมัติวินัย รมว.ต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
"ส.ส.ไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าขอเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 151 จำนวน 6 คน" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า มีข้อมูลชัดเจนของรัฐมนตรีทั้ง 6 คนที่จะสามารถอภิปรายชี้แจงให้ประชาชนได้เห็นและเป็นผู้ตัดสินเองจากข้อมูลของฝ่ายค้าน แม้เสียงในสภาฯจะไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลมีเสียงมากกว่า และขอยืนยันว่าไม่มีการล็อบบี้หรือต่อรองพูดคุยกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ แต่เป็นการสอบถามข่าวคราวของนายชัย ชิดชอบ บิดาของนายศักดิ์สยามก่อนที่จะเสียชีวิต
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติไทย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง เพราะก่อนตัดสินใจว่าจะอภิปรายใครบ้างได้มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างชัดเจนแล้ว
ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า จะเน้นอภิปรายนายกรัฐมนตรีในประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน โดยมีรายละเอียดมากกว่าที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
ขณะที่ นายชวน กล่าวว่า หลังจากรับหนังสือแล้วจะส่งให้ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับไปตรวจสอบความถูกต้องของญัตติภายใน 7 วันก่อนที่จะนัดประสานทุกฝ่ายหารือเพื่อกำหนดวันอภิปรายต่อไป
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ได้หารือวิปรัฐบาลแล้วเห็นตรงกันที่จะอภิปรายวันที่ 19-21 ก.พ.63 แต่ฝ่ายค้านอยากได้ 4 วัน ขณะที่รัฐบาลอยากได้เพียง 3 วัน จึงยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องวันลงมติ
รายงานข่าว แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านมีข้อสรุปจะยื่นอภิปรายรัฐมนตรี 5 คน โดยไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร แต่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไม่ยินยอม จึงได้มีการเพิ่มชื่อของ พล.อ.ประวิตร เข้าไปในนาทีสุดท้ายก่อนที่จะยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่เนื้อหาในญัตติฯ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคล เป็นผู้นำกร่างเถื่อนมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจ ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้อง บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรมจริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ และองค์กรในกระบวนการยุติธรรม บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติ
ไม่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผย ไม่มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติทุจริตต่อหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรมอย่างร้ายแรง
ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมือง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ ไม่เสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน แต่กลับสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้าง ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดสภาพ "รวยกระจุก จนกระจาย" ให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง
ล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลอกลวงประชาชนไม่ทำตามนโยบายที่พรรคการเมืองที่สนับสนุนตนหาเสียงไว้ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรและลดภาษีเงินได้ ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลกระทบและความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู น้ำกำลังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้
ส่วนพล.อ.ประวิตร ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
พล.อ. อนุพงษ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวาง จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
นายวิษณุ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่าย แทรกแซง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐจำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
นายดอน บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรม มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่อำนาจหน้าที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ส่วน ร.อ.ธรรมนัส บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ