รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค ได้นัด ส.ส.กลุ่มสามมิตรกว่า 40 คนมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้นัด ส.ส.กลุ่มสามมิตรประมาณ 40 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกกลุ่มไปแล้ว แต่เนื่องจากฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 5 คนจึงเป็นเหตุผลส่วนตัวที่คิดว่า กลุ่มสามมิตรต้องมาช่วยระดมความคิด เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองในการเก็งข้อสอบ และเตรียมข้อมูลให้ เพราะหลายคนก็ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจมาแล้ว
"พวกเราเตรียมหาข้อมูลเพื่อมาช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้จากการดูข้อมูลเบื้องต้นที่ฝ่ายค้านระบุในญัตติว่า ทั้ง "กร่าง" และ "เถื่อน" ซึ่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะมุ่งแต่ให้เกิดปัญหาทางการเมือง ส.ส.กลุ่มสามมิตรจะช่วยท่านตรงนี้ได้ และยังมีประเด็นที่ระบุว่านายกรัฐมนตรี "สืบทอดอำนาจ" และ "เป็นเผด็จการ" ซึ่งไม่เป็นความจริง และถ้าฝ่ายค้านหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็ไม่มีน้ำหนัก เพราะนายกรัฐมนตรีเข้ามาตามกระบวนการ ส่วนตัวจะให้การบ้าน ส.ส.เพื่อไปเตรียมข้อมูลต่างๆ ส่งให้กับทางพรรคด้วย" นายสุริยะ กล่าว
ส่วนการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องชมเชยพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศออกมาแล้วว่าจะช่วย ถ้าหากฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็น
นายสุริยะ ปฏิเสธว่า การมารวมตัวของ ส.ส.กลุ่มสามมิตรไม่ได้สะท้อนถึงความแตกแยกภายในพรรค และหัวหน้าพรรคก็เข้าใจดีถึงการรวมตัวกันครั้งนี้ ส.ส.ทุกคนในพรรคจะโหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน ไม่ได้เป็นการแสดงพลังเพื่อต่อรองเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่มีข่าว
"การรวมตัวของ ส.ส.กลุ่มสามมิตรในวันนี้ไม่เกี่ยวกับการแสดงพลังในการปรับ ครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การมารวมตัววันนี้เพื่อช่วยเหลือรัฐมนตรี โดยเมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลง กลุ่มสามมิตรก็จะสลายตัว" นายสุริยะ กล่าว
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วาระสำคัญที่จะหารือวันนี้คือการเตรียมความพร้อมเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะคุยกันว่ารัฐมนตรี และ ส.ส.แต่ละท่านจะต้องมีความตื่นตัว เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรีที่ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างเช่น ตนเองก็มีเรื่องนักโทษล้นคุก ยาเสพติด ซึ่งเป็นการหาข้อมูล ซักซ้อมว่าจะช่วยกันอย่างไร เพราะหากนายกรัฐมนตรีพลาดพลั้งก็จะถือว่าล้มเหลวไปทั้งหมด ซึ่งจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ และสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องทำการบ้านมาพร้อมกัน ถ้าหากว่าเราเริ่มนำให้แต่ละพรรคได้เห็น พรรคอื่นจะได้ทำตามกัน
ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นก็คงมีการหารือกัน แต่วันนี้เป็นกลุ่มเล็กๆก่อน ต่อไปจะพัฒนาไปถึงพรรคร่วม และในช่วงวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ก็จะเข้มข้นขึ้นไปอีก เพราะรัฐมนตรีแต่ละท่านที่ถูกอภิปรายล้วนเป็นบุคลากรที่สำคัญของพรรคพลังประชารัฐ และในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเองที่ไม่ถูกอภิปรายเลยก็ถูกมองอีกมุมหนึ่ง หากท่านไม่อยากถูกมองในมุมนั้นก็ต้องมาช่วยกัน เพื่อให้รัฐบาลเข้มแข็งและแข็งแรง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรไม่ได้รวมตัวอะไรกัน คำว่ากลุ่มสามมิตร เราบอกว่าเราจะไม่ใช้กันแล้ว แต่ว่าในบางกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมก็ไม่ว่ากัน ยอมรับว่ามีความห่วงใยผู้นำรัฐบาลที่จะต้องอยู่ให้ครบ 4 ปี โดยเราต้องเดินไปให้ได้
ด้านนายอุตตม กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมตัวเต็มที่ ยืนยันว่าไม่ได้มีเพียงแค่ ส.ส.ในกลุ่มสามมิตร เพราะทุกกลุ่มทุกคนก็มีการให้กำลังใจกัน รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลในการทำงานด้วยกัน ทั้งอภิปราย และฝ่ายข้อมูล ถือเป็นกระบวนการปกติ ตนเองไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะเราอยู่ร่วมกัน เราอยู่ด้วยกันหมด เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว "พรรคพลังประชารัฐคือหนึ่งเดียว" และต่อไปหากมีกลุ่มไหนในพรรคพลังประชารัฐจัดงานก็พร้อมจะไปร่วม เพราะสุดท้ายก็ต้องมีคุยร่วมกันหมด
"การรวมตัวในวันนี้ไม่ได้เป็นการแสดงพลังเพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี หากมีการปรับ ครม.หลังอภิปราย แต่การมารวมตัวในวันนี้เป็นการเตรียมการในสภา ถือเป็นเรื่องปกติ" นายอุตตม กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า การเดินทางมาร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำและ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ไม่มีนัยยะอะไร เป็นการมาให้กำลังใจ ซึ่ง ส.ส.จะต้องไปคิดเองว่าจะทำอย่างไรในการทำงานในนามของพรรค เพราะส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวกับพรรคอยู่แล้ว
ส่วนการอภิปรายในประเด็นเศรษฐกิจนั้นเชื่อว่า นายกฯตอบได้ทุกคำถามอยู่แล้ว เมื่อนายกฯตอบแล้วหน่วยงานใด กระทรวงใดที่เกี่ยวข้องก็สามารถช่วยนายกฯชี้แจงได้อยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ ข้อมูลอยู่ในหัวท่านอยู่แล้ว พร้อมปฏิเสธไม่ใช่การรวมตัวเพื่อต่อรองตำแหน่ง "ไม่มีหรอก อย่าช่างสังเกตนักสิ"