นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คาดว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 13 ก.พ.นี้ ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และน่าจะนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้
"เมื่อพิจารณาในรายมาตราเรียบร้อยแล้วมีการลงมติวาระ 3 เสร็จเรียบร้อย ส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งขั้นตอนวุฒิสภาคงไม่ยุ่งยาก ก่อนส่งกลับมายังรัฐบาล โดยคาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้"นายวิษณุ กล่าว
พร้อมยืนยันว่า แม้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ล่าช้า แต่คงไม่กระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของงบประจำ ที่แม้ว่า ครม.จะมีมติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ขยายเพดานกรอบการใช้งบประมาณไปพลางก่อนจาก 50 % เป็น 75 % แต่ก็เชื่อว่า ยังไม่มีหน่วยงานใดเบิกจ่ายเพราะใน 50 % ยังพออยู่
ทั้งนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้มีการรายงานผลคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว และในการประชุม ครม. ในวันอังคารหน้าจะมีการรายงานผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และการนัดหมายลงมติใหม่ให้ครม.รับทราบ
ส่วนกรณีส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน นายวิษณุ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้หากสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ชัดเจน จะไม่ย้อนกลับมาส่งผลให้ร่างงบประมาณประจำปีมีปัญหาอีก ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวกับพฤติกรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องตรวจสอบ และหาก ป.ป.ช.เห็นว่ามีมูล สามารถชี้มูลความผิดในกรณีความผิดในตำแหน่งหน้าที่ได้
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้นัดประชุมสภาฯ นัดพิเศษ วันที่ 13 ก.พ. เวลา 9.30 น. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และ 3 อีกครั้ง ตามที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้
"ในขั้นตอนต้องเริ่มพิจารณาวาระ 2 ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ชื่อร่าง ไปจนถึงมาตราสุดท้าย โดย ส.ส.ที่เสนอคำแปรญัตติ และกรรมาธิการที่ขอสงวนความเห็นสามารถอภิปรายได้ตามกรอบเดิม และลงมติเป็นรายมาตรา ก่อนจะลงมติวาระ 3 ต่อไป อย่างไรก็ตามหากการประชุมนัดพิเศษไม่แล้วเสร็จภายในวันเดียว สามารถขยายไปจนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จวาระให้ความเห็นชอบทั้งฉบับ และเมื่อสภาฯ ลงมติวาระ 3 แล้วเสร็จ ต้องส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณาต่อทันที" นายสรศักดิ์ กล่าว