นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันนั้น ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่กล้าดำเนินการ เพราะลำบากใจเมื่อต้องทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ที่เป็น ส.ส. ดังนั้น จึงประสานไปยังคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้แทน
ทั้งนี้ ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หากคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรรับที่จะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ก็เชื่อว่าจะสามารถสอบข้อเท็จจริงได้ และหากพบว่าใครกระทำความผิดก็ต้องยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยจะมีการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เฉพาะผู้ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ส่งคำชี้แจงเท่านั้น
สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระ 2 และวาระ 3 ในวันที่ 13 ก.พ.นี้ ต้องดำเนินการไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับมาตรา 143 ในเรื่องกรอบเวลา 105 วัน โดยจะเปิดให้สมาชิกอภิปรายตามข้อบังคับการประชุมเป็นรายมาตรา และฝ่ายค้านมีสิทธิอธิปรายเต็มที่ จะใช้เวลานานเท่าใดก็ได้ แต่หากอภิปรายซ้ำซ้อน บุคคลภายนอกก็จะรับทราบเจตนาเอง เพราะทุกฝ่ายต่างทราบดีว่าเคยมีการอภิปรายมาแล้ว หากทุกฝ่ายอภิปรายอย่างสมเหตุสมผลก็เชื่อว่าจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน
ส่วนความคืบหน้าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชวน กล่าวว่า ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นรายชื่อบุคคลที่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ มีเพียงการเสนอญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้ามาเท่านั้น