สภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 2 และ 3 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้มีการลงมติอีกครั้งหลังจากเกิดปัญหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาครั้งก่อน โดยการพิจารณาครั้งใหม่ในวันนี้ต้องมีการลงมติในวาระที่ 2 ถึง 2 รอบ เนื่องจากเกิดปัญหาองค์ประชุมในระหว่างการพิจารณาในมาตรา 6 ทำให้ต้องย้อนกลับไปพิจารณาในมาตราที่ 1 ใหม่อีกครั้ง ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ตามมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมเริ่มการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระที่ 2 ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น.ของวันนี้ ซึ่งเป็นการลงมติเป็นรายมาตรา จนถึงมาตราที่ 31 ในเวลาประมาณ 15.00 น.มีคำทักท้วงจาก ส.ส.ว่าการนับองค์ประชุมในการลงมติมาตรา 6 อาจมีปัญหา นายชวนจึงตัดสินใจให้เริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้ง และดำเนินการลงมติจนครบทั้ง 55 มาตรา
โดยที่ประชุมไม่มีการพิจารณาในมาตรา 1 ถึงมาตรา 6, มาตรา 44 และ มาตรา 51 เนื่องจากไม่มีสมาชิกขอแปรญัตติและไม่มีกรรมาธิการขอแก้ไข ส่วนการพิจารณาลงมติตั้งแต่ในมาตรา 7 เรียงมาตราต่อเนื่องกันไปจนถึงมาตรา 55 เป็นมาตราสุดท้าย เนื่องจากมีสมาชิกขอแปรญัตติและมีกรรมาธิการ (กมธ.) ขอแก้ไข ซึ่งการพิจารณาลงมติในทุกมาตรา ตลอดจนข้อสังเกตุของ กมธ.มีการตรวจสอบองค์ประชุมครบถ้วน
"เมื่อไม่มีสมาชิกหรือกรรมาธิการท่านใดต้องการแก้ไขถ้อยคำก็ถือว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 2" ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
หลังจากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กดออดให้สมาชิกแสดงตัวเพื่อลงมติในวาระที่ 3 ผลการลงคะแนน มีผู้เข้าประชุม 261 คน มีผู้ลงคะแนนเห็นด้วย 257 คน ไม่เห็นด้วย 1 คน ไม่ออกเสียง 3 คน ถือว่ามติที่ประชุมเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐาะนตัวแทนรัฐบาล กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายหลังเสร็จสิ้นการลงมติว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้คำมั่นว่าจะดำเนินการบริหารงบปะมาณภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ประชาชน และใช้จ่ายด้วยความระมัดระวังตามหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งขอให้มั่นใจว่าจะนำเม็ดเงินงบประมาณไปใช้จ่ายเพื่อการพัฒนปาระเทศ ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศต้องดีขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากมีการหมุนเวียนเม็ดเงิน เพื่อช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ แก้ไขปัญหาปากท้องและความยากจนที่เป็นภารกิจหลักของรัฐบาล โดยรัฐบาลจะดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณด้วยความซื่อสัตย์ให้เกิดความคุ้มค่าของเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ ซึ่ง ส.ส.ทุกคนสามารถตรวจสอบได้