นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะเป็นผู้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคตได้กล่าวขอบคุณสมาชิกที่อภิปรายทั้ง 41 คน โดยใช้เวลาอภิปรายเกือบ 500 นาที ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันรัฐประหาร พร้อมย้ำว่าการรัฐประหารที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปี 2549 และปี 2557 ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องที่จะขจัดความขัดแย้ง ไม่สามารถฟื้นฟูความชอบธรรม ไม่สามารถสร้างเสรีประชาธิปไตย ได้เพียงนายทหารคณะหนึ่งที่เข้ามามีอำนาจอย่างยาวนาน และสืบทอดอำนาจจนถึงทุกวันนี้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ร่วมกันแสวงหาฉันทามติใหม่ให้กับสังคมไทย
นายปิยบุตร กล่าวว่า ถ้าคนไทยยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และร่วมกันต่อต้านรัฐประหาร การรัฐประหารย่อมไม่มีทางจะสำเร็จได้ ดังนั้นญัตติที่เสนอนี้ จึงไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรที่จะประกาศศักดิ์ศรี ไม่ยอมจำนนต่อรัฐประหาร
"หากสภาฯ กล้าลงมติให้ความเห็นชอบ สภาฯ ก็จะเป็นผู้แทนราษฎร แต่หากลงมติไม่ให้ความเห็นชอบ สภาฯ ก็จะกลายเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาที่ต้องฟังคำสั่งนายพลผู้มีอำนาจ ดังนั้นจึงอยากเห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจับมือร่วมมือกัน เดินหน้าป้องกันไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นอีก และสร้างความหวังให้กับประชาชนอย่างแท้จริง" นายปิยบุตรกล่าว
พร้อมระบุว่า ไม่แน่ใจว่าการอภิปรายสรุปญัตติครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายหรือไม่ เพราะชีวิตตอนนี้อยู่ในกำมือของศาลรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่าการสรุปญัตติครั้งนี้จะช่วยโน้มน้าวให้เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงมติให้ความเห็นชอบ เพราะญัตตินี้ไม่ใช่วาระของตนหรือพรรคอนาคตใหม่ พรรคฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นวาระแห่งชาติ ที่สภาผู้แทนราษฎรต้องร่วมมือกันและขอให้ร่วมกันยกมือเห็นชอบ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน
จากนั้นที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติไม่เห็นด้วย 242 เสียง และเห็นด้วย 215 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง