คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนร่วมประชุมกับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า มาให้กำลังใจและสนับสนุนข้อมูลบางเรื่องที่ได้รวบรวมและทำงานร่วมกันมาก่อนหน้านี้
โดยแสดงความมั่นใจว่าผู้อภิปรายของฝ่ายค้านทุกคนมีการเตรียมข้อมูลมาดี และมีความสามารถที่จะทำให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงใน 3 ประเด็น คือ 1.ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน 2.การออกนโยบายที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เพราะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มนายทุนใหญ่จนเกิดปัญหารวยกระจุกจนกระจาย และ 3.การทุจริต
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังยืนยันว่า ภายหลังการอภิปรายแล้วจะมีการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายฯ อย่างแน่นอน ส่วนจะมีจำนวนเท่าใดและในประเด็นใดคงต้องขอตรวจสอบก่อน
พร้อมทั้งปฏิเสธกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าที่ผ่านมาทำงานร่วมกันเป็นทีมมาโดยตลอด และขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่มารับหน้าที่หัวหน้าทีมเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เพื่อช่วยกันตรวจสอบหาข้อมูลเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้เห็น
ทั้งนี้ ภายหลังประชุมเสร็จสิ้นลง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผู้อภิปรายในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยมีทั้งสิ้น 18 คน โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้กล่าวนำการอภิปราย หลังจากนั้น นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม จะอภิปรายเป็นคนแรก โดยใช้ข้อมูลของคณะกรรมการกิจการพิเศษที่ได้รวบรวมไว้ และอภิปรายเนื้อหาไปตามข้อเท็จจริง ตามความผิดที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นไว้ในญัตติ มีทั้งเรื่องการบริหารประเทศผิดพลาด ความฉ้อฉล การช่วยเหลือพวกพ้อง
"ทุกความผิดเราไม่อาจปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่บริหารประเทศต่อไปได้ หลังการอภิปรายจะมีการตัดเนื้อหาอภิปรายเป็นส่วนๆ ไม่ยาวมากนักในรูปแบบคลิป เพื่อให้ประชาชนที่ไม่ได้ติดตามช่วงอภิปรายได้รับฟังข้อมูล"น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้จะแตกต่างจากในอดีตที่ใช้นักการเมืองระดับแนวหน้า 5-6 คน อภิปรายคนละ 2-3 ชั่วโมง แต่ครั้งนี้จะทำงานเป็นทีมเวิร์ค มีการตัดเนื้อหาออกมาเป็นส่วนๆ ไม่ลากยาว เพื่อให้ไม่น่าเบื่อ ผู้อภิปรายทั้ง 18 คนจะใช้เวลา 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ส่วนผลต่อเนื่องหลังการอภิปรายจะยื่นเอาผิดคดีอาญาต่อไปได้หรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้พบการทุจริต 2 รูปแบบ คือ 1.การทุจริตที่มีเงินทอน มีใบเสร็จไม่น้อยกว่า 6 กรณีที่สามารถยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดทางอาญาได้ แต่จะขอรอฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีก่อน หากเคลียร์ในประเด็นใดได้ก็จะไม่ยื่นเอาผิด และ 2.การทุจริตที่ไม่มีใบเสร็จ แต่เป็นการทุจริตเชิงโครงสร้าง เป็นระบบให้เกิดการทุจริตในระยะยาว จัดโครงสร้างให้ทุนใหญ่ ถือว่าเรื่องนี้เป็นการทุจริตที่ร้ายแรงกว่าแบบที่มีใบเสร็จ
"มั่นใจว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีพรรคร่วมรัฐบาลยื่นคำขาด เหมือนสมัยพรรคพลังธรรมยื่นต่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แล้วพบจุดจบในเวลาต่อมา เรามั่นใจว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก"นายสุทิน กล่าว