นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยก่อนเริ่มการอภิปรายฯ นายชวนได้ชี้แจงถึงกรอบเวลาในการอภิปรายตั้งแต่วันที่ 24-27 ก.พ.63 ตั้งแต่เวลา 09.30-24.00 น.โดยกำหนดให้การอภิปรายเสร็จสิ้นภายในวันที่ 27 ก.พ.63 เวลา 19.00 น.แต่ไม่รวมการสรุปการอภิปราย 2 ชั่วโมง
สำหรับการอภิปรายจะเรียงลำดับไป เริ่มจาก 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
โดยรัฐมนตรีสามารถชี้แจงหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นชี้แจงได้ตลอดเวลา หรือจะไม่ชี้แจงก็ได้ ส่วนสมาชิกห้ามอภิปรายในประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญานตนเนื่องจากเป็นเรื่องทีเกิดขึ้นก่อนการบริหารราชการแผ่นดิน และเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้อภิปราย พบความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล 5 ด้าน ทำให้ไม่ไว้วางใจที่จะให้พล.อ.ประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป ได้แก่ 1.การเข้าสู่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยึดมั่นในระบบประชาธิปไตย ขาดความน่าเชื่อถือและการยอมรับจากนานาชาติ
2.ความล้มเหลวในการบังคับใช้กฎหมายโดยมีการการนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง แต่ปล่อยปละละเลยให้พรรคการเมืองของพวกพ้องทำผิดกฎหมาย
3.ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจนส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีอัตราเติบโตต่ำสุดในรอบ 5 ปี
4.ความล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นจนทำให้เกิดความสูญเสียต่องบประมาณเฉลี่ยปีละ 1.4-4.3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตในกองทัพจนนำไปสู่เหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา
5.ความล้มเหลวในภาวะผู้นำ ซึ่งตลอดเวลามีพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศชาติ เป็นการบริหารงานบนพื้นฐานของอารมณ์และความรู้สึกที่อาจเหลือทิ้งซากปรักหักพังไว้ให้ลูกหลาน