นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใน 3 ประเด็นที่สำคัญ คือ 1. ประเด็นการแจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินที่เป็นรายรับ 128 ล้านบาท แต่มีรายจ่ายถึง 466 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่สัมพันธ์กัน
พร้อมกับเชื่อมโยงไปถึงการได้มาซึ่งเงินจำนวน 600 ล้านบาทจากการขายที่ดินของบิดาย่านบางบอน เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ให้แก่บริษัท 69 property จำกัด ซึ่งนายยุทธพงษ์แสดงภาพโครงสร้างของบริษัทดังกล่าวที่โยงใยกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทดังกล่าวเพิ่งเปิดดำเนินการได้เพียง 7 วันก่อนหน้าจะมีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินในวันที่ 9 พ.ค.56 และวัตถุประสงค์การจดทะเบียนธุรกิจพบว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการเพาะพันธุ์ไม้ยืนต้นเพื่อการจำหน่าย
อีกทั้งสภาพของบริษัทเป็นเพียงทาวเฮาส์ที่ตั้งอยู่ในย่านตลิ่งชัน ไม่มีความน่าเชื่อถือว่าจะมีเงินมากถึง 600 ล้านบาทเพื่อมาซื้อที่ดินในแปลงดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมองไม่เห็นถึงประโยชน์และความคุ้มค่าที่บริษัทจะซื้อที่ดินแปลงนี้ไว้ เนื่องจากพื้นที่นี้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีเขียวของ กทม.ห้ามมิให้มีการนำไปก่อสร้างทั้งประเภทของโรงงาน โรงแรม สถานบริการ ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ห้องชุด เป็นต้น
2. ประเด็นการต่ออายุสัญญาให้แก่ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (NCC) ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ในการบริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นานถึง 50 ปี ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าวเคยทำผิดเงื่อนไขโดยไม่ได้มีการก่อสร้างโรงแรมขนาด 500 ห้องตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งการต่อสัญญาดังกล่าวกระทำการโดยไม่ฟังคำทักท้วงจากหลายหน่วยงาน เช่น อัยการสูงสุด สำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการแก้ไขสัญญาเพื่อให้เอกชนบริหารศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์จะต้องดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ และเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม อีกทั้งควรจะต้องนำเข้ามาเป็นโครงการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพื่อให้เกิดการแข่งขันของเอกชนอย่างเปิดกว้างและโปร่งใส ไม่ใช่การต่อสัญญาให้กับเอกชนรายเดิม
3.การแก้ไขสัญญาให้บีทีเอส ได้รับการต่ออายุสัญญาสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวในส่วนต่อขยายอีก 30 ปี ทั้งที่ยังเหลืออายุสัญญาอีก 10 ปี ด้วยการอออกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2562 เรื่องการดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้มีการยกเว้นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 62
"ทั้ง 3 เรื่องนี้ที่ได้เรียนต่อที่ประชุมเพื่อเป็นข้อสนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามที่ผู้นำฝ่ายค้านได้ยื่นไว้ และไม่อาจไว้วางใจให้คุณประยุทธ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป" นายยุทธพงษ์ กล่าว