นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แจงประเด็นกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มนายทุนของนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ว่า การเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินนั้นเปิดกว้างในรูปแบบ International Biding ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการจากประเทศต่างๆ ให้ความสนใจรวม 31 ราย ได้แก่ จีน 7 ราย, ญี่ปุ่น 4 ราย, ฝรั่งเศส 2 ราย, มาเลเซีย 2 ราย เกาหลีใต้ 1 ราย, อิตาลี 1 ราย และไทย 14 ราย
ส่วนกรณีที่รวมการพัฒนาพื้นที่มักกะสันและศรีราชาเข้าไปในการประมูลด้วยนั้น เนื่องจากหากแยกโครงการเป็นประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าอย่างเดียวจะไม่มีผู้สนใจเลย เพราะผลตอบแทนการลงทุนต่ำ เสี่ยงต่อการขาดทุน และถึงแม้จะรวมโครงการประมูลแล้วก็ยังเสี่ยงขาดทุนราว 7 หมื่นล้านบาท
ส่วนความล่าช้าในการเซ็นสัญญาและการส่งมอบที่ดินเนื่องจากในเส้นทางก่อสร้างมีปัญหาระบบสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้าแรงสูง อุโมงค์ระบายน้ำ ท่อส่งน้ำประปา กีดขวางอยู่กว่า 300 จุด อีกทั้งมีผู้บุกรุกอีกกว่า 900 ราย ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จชัดเจน และจะไม่เกิดปัญหาค่าโง่เหมือนในอดีต
"โครงการนี้เหมือนโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดที่เสร็จในปี 2533 ใช้เวลาดำเนินการ 8 ปี ระหว่างการก่อสร้างมีคำถามว่าจะทำไปทำไม แต่หลังจากโครงการเสร็จระบบเศรษฐกิจของประเทศก็ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้" นายศักดิ์สยาม กล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวว่า นอกเหนือจากการดำเนินโครงการอีอีซีแล้ว รัฐบาลยังมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ศึกษาแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศเพิ่มเติม ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเท่านั้น