"วิษณุ"ปัดแก้กฎหมายเอื้อบริษัทบุหรี่นอก-ยกที่ดินโรงงานยาสูบให้เจ้าสัว

ข่าวการเมือง Thursday February 27, 2020 18:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า รัฐบาลไม่ได้แก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยเหลือบริษัทบุหรี่ต่างประเทศ "ฟิลลิป มอร์ริส" ให้เสียค่าปรับกรณีสำแดงภาษีเป็นเท็จเพียง 1,225 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากฎหมายเดิมที่ต้องเสียค่าปรับกว่า 84,000 ล้านบาท

นายวิษณุ ระบุว่า แนวคิดในการแก้ไขกฏหมายนี้มีมานานแล้วตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่มีการยุบสภาเสียก่อน จากนั้นในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เกิดเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยในประเทศขึ้นอีก จนกระทั่ง คสช.เข้ามายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 จึงมีความตั้งใจที่จะสังคยานากฏหมายตัวนี้ เพราะเป็นกฎหมายที่ใช้มานาน 90 ปี เมื่อผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วกฏหมายนี้ก็ประกาศใช้เดือน พ.ค.60 แต่ก็ทอดเวลาเตรียมการให้อีก 180 วัน แสดงว่ามีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ย.60 แต่คดีนี้ฟ้องตั้งแต่เดือน ม.ค.59

นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องการแก้ พ.ร.บ.ศุลกากร ความจริงตนเองไม่ได้เกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการแก้กฎหมายดังกล่าว แต่มีการเตรียมแก้ไขกันมาตั้งแต่ปี 54 และกฎหมายนี้ผ่านการแก้ไขในสภามาแล้ว 22 ครั้ง แก้ไขจนพรุนไปหมดแล้ว ในที่สุดก็ได้เข้าสภาไปแล้วครั้งหนึ่งสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อปี 55 สภาพัฒน์บอกว่าช่วยไปดูหน่อย เขาเตรียมจะแก้ของเขาอยู่แล้ว

"ผมไม่ได้ไปแทรกแซงหรือก้าวก่าย แต่พฤติกรรมแบบนี้คือการบริหารราชการแผ่นดิน การแทรกแซงก้าวก่ายหมายถึงตามที่เขาห้ามตามรัฐธรรมนูญ ถ้าเรื่องแบบนี้ถือเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายก็ต้องถือว่าเป็นการแทรกแซงโดยชอบ จำคดีถุงขนมได้หรือไม่ เอาเงินไปจ่ายให้ ไม่รู้ให้ใคร แต่ในที่สุดก็ทิ้งถุงไว้เป็นถุงขนมจนศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยมีความผิด แบบนี้ถึงจะเรียกว่าก้าวก่ายวิ่งเต้น กับประธานศาลรัฐธรรมนูญในสมัยหนึ่ง แต่ท่านประธานศาลไม่เล่นด้วย ก็ถูกขู่เข็ญ ขอนัดพบ แบบนี้ถือว่าแทรกแซงก้าวก่าย" นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลจะช่วยบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส คงไม่ออกมาแบบนี้ เหมือนกับว่าถ้ารัฐบาลจะแทรกแซงองค์กรกระบวนการยุติธรรมเหมือนกับรัฐบาลในอดีต มันก็จะไม่เป็นแบบนี้ แต่รัฐบาลเห็นว่าต้องการปกป้องสุขภาพคนไทย บุหรี่ไทย กฎหมายไทย โดยเฉพาะกฎหมายศุลกากรและความรู้สึกของคนไทยว่าต้องรักษาเกียรติภูมิของคนไทย จึงออกมาในลักษณะนี้ต่างหาก ส่วนจะแพ้คดีที่สุดหรือไม่อย่างไร ยังมีเวลา ตนเองเชื่อในส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่าจะมีช่องทางที่จะเจรจา เรามีวิธีและช่องทางอีกหลายอย่าง ถ้าพูดมากไปในสภาแห่งนี้จนได้ยินไปทั่วโลกจะเป็นปัญหาและกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในฐานะอาเซียนยังมีช่องทางที่จะเจรจาเรื่องบุหรี่

"ทีแรกตั้งใจว่าไม่จำเป็นต้องพูด แต่ขอกราบเรียนว่าเรื่องบุหรี่ตั้งแต่เราไปเป็นสมาชิก AFTA ตั้งแต่เราเข้า AEC เราต้องปฏิบัติตามพันธอาเซียน 10 ประเทศ รัฐบาลเริ่มตั้งแต่ 2550 จนถึงปัจจุบันออกพระราชกำหนดและออกประกาศกระทรวงการคลัง หลายคนอาจจะยังไม่ทราบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 53 เป็นต้นไป ด้วยข้อตกลงการที่บุหรี่จากประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนด้วยกัน เข้าไปยังประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนให้บุหรี่ไม่ว่าจะพันธุ์อะไรก็ตาม ภาษีเป็นศูนย์ เมื่อภาษีเป็นศูนย์ก็ไม่เกิด ฟิลลิป มอร์ริส อีกต่อไป เขาไม่ต้องสำแดง" นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีที่นายศรัณย์วุฒิระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการทำลายบุหรี่ไทย ทำให้บุหรี่ไทยเจ๊ง และบุหรี่ต่างประเทศยึดตลาดในไทยนั้น ฝ่ายค้านอาจจะหมายถึงแก้ไขกฏหมายภาษีสรรพสามิตที่อาจเป็นต้นตอกฏหมาย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 55 แต่รัฐบาลใดไม่ทราบ และมาสำเร็จในปี 60

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต ก็ไม่ได้ทำให้เสียประโยชน์อะไร เพราะกรมสรรพสามิตได้รายงานว่าผลของการออกกฎหมายฉบับใหม่แม้จะเก็บภาษีบางตัวได้น้อย แต่เก็บภาษีบางตัวได้มากพอถัวเฉลี่ยกันแล้วเราสามารถที่จะมีรายได้เข้ารัฐเป็นจำนวนมากกว่าสมัยที่ใช้กฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับเดิมเป็นอันมาก ส่วนปัญหาโรงงานยาสูบต้องแก้ด้วยวิธีการหลายอย่างโดยเฉพาะวิธีการบริหารจัดการ

นายวิษณุ กล่าวว่า กฎหมายภาษีสรรพสามิตได้กำหนดสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยมีมาในฉบับเก่า นั่นคือบุหรี่ทุกชนิดทั้งในและนอกจะต้องเสียภาษี ซึ่งเราเรียกกันว่าภาษีเพื่อมหาดไทย 10% เดิมไม่เคยเก็บ และเข้ากองทุนผู้สูงอายุ อีก 2% ของราคา ซึ่งเราไม่เคยเก็บ พอเกิดกองทุนผู้สูงอายุและภาษีเพื่อมหาดไทยก็กระทบกันหมด บุหรี่นอกก็กระทบ บุหรี่ในก็กระทบ

เมื่อกฎหมายสรรพสามิตออกมาก็ได้มีการออกกฎกระทรวงมาฉบับหนึ่ง ความต้องคือต้องการช่วยบุหรี่ในประเทศ เดิมบุหรี่นอกเสียภาษีแบบหนึ่ง บุหรี่ในประเทศเสียภาษีอีกแบบหนึ่ง ทำให้ WTO ประท้วง เราจึงต้องทำให้เสียภาษีแบบเดียวกัน แต่เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้บุหรี่ในประเทศได้ประโยชน์ ซึ่งในเวลานั้นก็ได้ออกกฎกระทรวงเมื่อปี 60 ว่า ถ้าราคาต่อซองต่ำกว่า 60 บาทให้เก็บภาษี 20% แต่ถ้าขายเกิน 60 บาทจะเก็บภาษี 40% พอกฏกระทรวงออกมา บุหรี่ไทยกับบุหรี่นอกสวนทางกัน โดยบุหรี่ไทยขึ้นเป็น 90-95 บาทจึงเจอภาษี 40%

ส่วนบุหรี่นอกก่อนหน้านี้ขายเกิน 60 บาท ก็ลดต่ำกว่า 60 บาท ทำให้เขาเสียภาษีเพียงแค่ 20% และทุกซองเข้ากองทุนผู้สูงอายุและภาษีเพื่อมหาดไทยเหมือนกัน ซึ่งทำให้บุหรี่ไทยเกิดปัญหายืนยันอีกครั้งเราไม่เคยไปก้าวก่ายแทรกแซงทุจริตหรือวิ่งเต้นหรือใช้ความกดดันอะไรใครทั้งหมด ส่วนเรื่อง WTO ขอให้วางใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยความสงบด้วยความราบรื่นต่อไป

สำหรับเรื่องที่กล่าวหาว่ายกที่ดินโรงงานยาสูบให้เจ้าสัวนั้น นายวิษณุ ชี้แจงว่าที่ดินดังกล่าวแบ่งเป็น 4 โซน ประกอบด้วยที่ดิน 4 โซนคือ โซน A ศูนย์สิริกิติ์ 53 ไร่ โซน B ข้างหลังศูนย์ โรงพยาบาล 77 ไร่ โซน c สวนน้ำริมรัชดา 130 ไร่ และโซนสุดท้ายโซน D โรงงานหลังสวนน้ำ จำนวน 320 ไร่ โดยที่ดินแปลง D และที่ดินแปลง C รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน น้อมเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

หลังจากนั้นก็เป็นรัฐบาลชวน 1 ที่เกรงว่าหากถวายแล้วจะมีใครเล่นแร่แปรธาตุจึงมีมติให้โซน C ที่ติดกับถนนรัชดาฯ จำนวน 130 ไร่ ให้สร้างเป็นสวนน้ำ ตกลงโซน C เป็นสวนน้ำ ใครจะยกให้เจ้าสัวแม้แต่เสี้ยวเดียวก็ไม่ได้ ส่วนโซน D รัฐบาลต่อมาก็ให้ทำเป็นสวนป่าคือปลูกต้นไม้ให้เต็มไปหมด ฉะนั้นใครจะนำที่ดินโซน D ไปยกให้ใครแม้แต่วาเดียวก็ไม่ได้ แต่โซนดีมีโรงงานยาสูบตั้งอยู่หลายโรงงานจึงไม่สามารถทำสวนป่าได้ทันที

อย่างไรก็ตาม โซน C ได้มีการขอพระราชทานชื่อ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอันว่าได้ชื่อเป็นทางการสำหรับโซน c และโซน D คือสวนเบญจกิติ

นายวิษณุ กล่าวว่า ต่อจากนั้นโรงงานยาสูบก็ต้องหาที่ตั้งใหม่ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา บอกให้โรงงานย้ายไปอยู่เชียงใหม่และฉะเชิงเทรา รัฐบาลนายชวลิต ยงใจยุทธ บอกว่าอย่าไปเลยให้ย้ายไปเชียงใหม่และสระบุรี พอมาถึงรัฐบาลนายสุรยุทธ์ จุลานนท์ เห็นว่าเชียงใหม่ไกล ส่วนสระบุรีก็ไม่สะดวก ขอให้ย้ายไปหาในรัศมี 200 กิโลเมตร แต่ไม่บอกว่าที่ไหน พอมาถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ปฏิบัติตามมติ ครม.ของรัฐบาลนายสุรยุทธ์ให้ย้ายไปอยุธยาที่นิคมโรจนะ แต่รัฐบาลไม่ได้สั่งให้ไป เขาไปสำรวจกันเองและย้ายกันเอง แต่วันนี้ไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว หลังจากนั้นโรงงานยาสูบก็ทยอยย้ายไปที่นิคมโรจนะ รัฐบาลนายกประยุทธ์ปีที่แล้วไปตรวจเยี่ยม ก็เพิ่งรู้ว่าขนย้ายเหลืออยู่อีกนิดเดียวจึงได้ขอให้ช่วยขยับขยายไปให้หมด โดยเร่งรัดภายในเดือนพฤษภาคม 63 เพื่อจะได้น้อมเกล้าถวายในเดือนสิงหาคม 64

"ประโยคที่ผู้อภิปรายพาดพิงจึงไม่สวยงามเลยที่บอกว่าไปสร้างสวนเพื่อเอื้อต่อศูนย์สิริกิติ์เป็นสวนน้ำและเป็นสวนป่า เพราะทั้งหมดกำหนดโดยสำนักพระราชวัง และไม่สวยงามเลยที่บอกว่าที่ดินข้างสวนให้เป็นที่ดินเจ้าสัว แต่เชื่อว่านายศรัณย์เกตุไม่ทราบและไม่ได้ตั้งใจ และควรไม่มีใครไปถือสาหาความกับส่วนนี้" นายวิษณุ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ